บอร์ด ทอท.รับทราบความเป็นมาการให้สิทธิคิง เพาเวอร์ ในฐานะผู้ชนะการประมูลดูแลบริหารจัดการพื้นที่ pick up counter ตามสัญญาโดยสนามบินสุวรรณภูมิ ต้องรอไปจนสัญญาสิ้นสุดปี 2563 ดอนเมืองต้องรอสัญญาสิ้นสุดปี 2565 หลังจากนั้น ทอท.จึงจะเปิดประมูลใหม่
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท.ว่า ที่ประชุม รับทราบรายงานสรุปความเป็นมาของการให้สิทธิการให้บริการส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Pick up Counter) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) และท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.)ซึ่งเป็นการให้สิทธิโดยผ่านการประมูลคัดเลือก โดยในส่วนของ ทสภ.ผู้ชนะการประมูลได้รับสิทธิในการประกอบกิจกรรมเชิงพาณิชย์ทุกประเภท ยกเว้นการดำเนินการในกิจการร้านค้าปลอดอากร การบริการกิจกรรมการโฆษณา และกิจกรรมการให้บริการด้านการขนส่งแก่ผู้โดยสารท่าอากาศยาน เช่น รถแท็กซี่ รถบัส หรือรถลีมูซีน เป็นต้น
“โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2548 ซึ่งเอกสารประกอบสัญญา ได้ระบุให้ Pick up Counter เป็นกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ที่ผู้ชนะการประมูลจะดำเนินการภายใต้สัญญา โดยอายุสัญญาของ ทสภ.ดังกล่าวจะครบกำหนดในวันที่ 27 กันยายน 2563 ส่วน ทดม.ได้มีการประมูลในเดือนสิงหาคม 2555 โดยในขณะนั้น กิจกรรม Pick up Counter เริ่มเป็นที่สนใจสำหรับผู้ประกอบการ ทอท.จึงได้มีการประมูล Pick up Counter ควบคู่กับร้านค้าปลอดอากรภายในทดม.โดยอายุสัญญาของ ทดม.จะหมดอายุสัญญาในวันที่ 30 กันยายน 2565” นายนิตินัย กล่าว
นายนิตินัย กล่าวว่า ในเดือนมีนาคม 2558 คณะกรรมการ ทอท.ชุดปัจจุบันได้เล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาวะทางธุรกิจโดยได้มีผู้สนใจทำการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรภายในเมืองมากขึ้น การประมูล Pick up Counter ที่ ทภก.จึงเป็นการให้สิทธิการให้บริการส่งมอบสินค้าปลอดอากรแบบเคาน์เตอร์ที่ผู้ประกอบการหลายรายสามารถใช้ร่วมกันเพื่อส่งมอบสินค้า (Common Use) โดยมีอายุสัญญา 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ ทอท.มีหนังสือแจ้งผู้ประกอบการให้เข้าเริ่มประกอบการ
สำหรับกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการให้สิทธิการให้บริการส่งมอบสินค้าปลอดอากรของท่าอากาศยาน บางแห่งในลักษณะผูกขาดนั้น ทอท.ได้ชี้แจงให้คณะกรรมการ ทอท.ทราบว่า เป็นการดำเนินการตามเงื่อนไขสัญญาที่ทำไว้กับคู่สัญญา หากมีการละเมิดเงื่อนไขสัญญา อาจสร้างความเสียหายให้แก่ ทอท.และผู้ถือหุ้นจากการถูกฟ้องร้อง และที่สำคัญที่สุดคือความน่าเชื่อถือของสัญญาต่างๆ ที่ ทอท.ได้ทำไว้จะขาดความน่าเชื่อถือขึ้นมาโดยทันที และอาจลุกลามไปถึงสัญญาทั้งหมดของภาครัฐที่ทำไว้ เพราะ ทอท.ถือเป็นหน่วยงานของรัฐหน่วยงานหนึ่ง ถึงแม้จะอยู่ในรูปแบบของรัฐวิสาหกิจก็ตาม