ลุ้นขายปลีกเบนซินลดเย็นนี้ จับตา ‘อิสราเอล-ฮามาส’ ดันน้ำมันโลกพุ่ง
รายงานข่าวจาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) แจ้งว่า วันที่ 9 ตุลาคม ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่ม หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานปรับเพิ่มขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่ง โดยเป็นการปรับเพิ่มมากที่สุดนับตั้งแต่ ม.ค. 66 โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจากตัวเลขสถิติการจ้างงานที่ดีขึ้นจะหนุนความต้องการใช้น้ำมันให้มากขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ยังอาจเป็นเหตุผลที่ช่วยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ชะลอการการขึ้นดอกเบี้ยอีกด้วย
รวมทั้ง Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 6 ต.ค. ปรับลดลงจำนวน 5 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 497 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ก.พ. 65 ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้น 2 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 118 แท่น
อย่างไรก็ตาม รัสเซียประกาศยกเลิกการห้ามส่งออกน้ำมันดีเซลเมื่อวันที่ 6 ต.ค. โดยมีเงื่อนไขว่าว่าผู้ผลิตจะต้องจัดส่งน้ำมันดีเซลอย่างน้อย 50% เพื่อขายไปยังตลาดในประเทศ ในขณะที่ข้อจำกัดในการห้ามส่งออกน้ำมันเบนซินยังคงมีอยู่ โดยปีที่แล้วรัสเซียมีการส่งออกน้ำมันดีเซลประมาณ 35 ล้านตัน โดยเกือบ 3 ใน 4 ของทั้งหมดเป็นการส่งผ่านทางท่อ ในขณะที่การส่งออกน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 4.8 ล้านตันในปี 65
ด้านราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นของฮ่องกง โดยฮ่องกงนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นกว่า 77.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อีกทั้งคาดการณ์การส่งออกจากจีนที่จะลดลงในช่วงปลายปี
ขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังรัสเซียประกาศยกเลิกการห้ามส่งออกน้ำมันดีเซล โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ผลิตจะต้องจัดส่งน้ำมันอย่างน้อย 50% เพื่อขายไปยังตลาดในประเทศ นอกจากนี้ราคายังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นของตะวันออกกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงายว่า จากสถานการณ์ราคาดังกล่าวตรวจสอบค่าการตลาดน้ำมันจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) พบว่า ค่าการตลาดกลุ่มเบนซินอยู่ระดับ 3.63 – 3.83 บาทต่อลิตร คาดว่าขายปลีกกลุ่มเบนซินมีโอกาสลดลง
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน เกาะติดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส (Hamas) หรือองค์กรการเมืองติดอาวุธของชาวปาเลสไตน์ อย่างใกล้ชิด โดยประเทศไทยยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะไม่ได้มีการนำเข้าพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) จากอิสราเอลหรือปาเลสไตน์
ทั้งนี้หากสถานการณ์มีความยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น สิ่งที่น่ากังวลที่สุดจะเป็นเรื่องของราคาพลังงานโลก เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยุ่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกพลังงานรายใหญ่ของโลก ซึ่งสภาวะอารมณ์ของตลาดอาจจะมีผลทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้นได้ แม้ว่าในปัจจุบันราคาน้ำมันจะยังคงแกว่งตัวในช่วงแคบๆ แต่ยังคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด