| ผู้เขียน | ทรรศวรรณ ทัพสุวรรณ |
|---|
กระแสความขัดแย้งระหว่าง “รัฐบาล” และ “แบงก์ชาติ” ดูจะคลี่คลายลง
หลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เรียก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติเข้าพบเป็นการส่วนตัวเพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจ-การเงิน
การหารือนัดนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้ง 2 ฝ่ายเปิดเผยต่อสาธารณชน ว่าเป็นไปด้วยดี ไร้ความกังวล แม้ความคิดเห็นขัดแย้งกันบ้าง แต่ยืนยันร่วมงานได้ปกติ จะนัดหารือประจำทุกเดือน สื่อถึงการทำงานร่วมกันในระยะยาว
แม้ที่ผ่านมาจะปรากฏข่าวว่ารัฐบาลและแบงก์ชาติไม่ลงรอยกัน กระแสร้อนระอุถึงขั้นนายกรัฐมนตรีจะปลดผู้ว่าการแบงก์ชาติออกจากตำแหน่ง
ชนวนเหตุมาจากการที่ ผู้ว่าการแบงก์ชาติแสดงความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจระยะยาว จากนโยบายทางการคลังของรัฐบาลที่ใช้เงินงบประมาณจำนวนมาก
โดยเฉพาะนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ใช้งบ 5.6 แสนล้านบาท ทั้งความไม่ชัดเจนเรื่องงบ การหารายได้กลับคืนรัฐทำให้เกิดปัญหาด้านความเชื่อมั่น ส่งผลให้อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ (เครดิตเรตติ้ง) ลดลง รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อที่พ่วงมากับนโยบายนี้
ผู้ว่าการแบงก์ชาติยังเตือนถึงการทำนโยบายไม่ควรหว่านแห อยากให้จำกัดกลุ่มผู้รับสิทธิเป็นวงจำกัด เช่นเดียวกับนโยบายพักหนี้เกษตรกร ซึ่งแบงก์ชาติมองว่าแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด สะท้อนจากทำมาตรการพักหนี้มา 14 ครั้ง ในรอบ 8 ปี ผลลัพธ์ไม่ได้ดี เพราะลูกหนี้ 70% ที่พักหนี้มีหนี้มากกว่าเดิม และมีโอกาสเป็นหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) สูง
ท้ายสุดจึงส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการคลัง มาตรการต่างๆ จะต้องไม่ทำลาย หรือกระทบเสถียรภาพจนเกินไป หรือสร้างผลข้างเคียงให้กับระบบเศรษฐกิจ
แม้เป็นห่วง แต่ด้วยอำนาจรัฐบาลที่คานกันอยู่ จึงต้องหา “จุดตรงกลาง” ของ 2 ฝั่งต้องเดินร่วมกันให้ได้
ภายใต้ประโยชน์ของประเทศอย่างแท้จริง!!
