จับตาสงครามอิสราเอล-ฮามาส ทวีความรุนแรง ดันราคาน้ำมันดิบพุ่ง ทำบาทอ่อนค่า

จับตาสงครามอิสราเอล-ฮามาส ทวีความรุนแรง ดันราคาน้ำมันดิบพุ่ง ทำบาทอ่อนค่า

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.90 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.11 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.80-37.05 บาทต่อดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.89-37.13 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ท่ามกลางความกังวลผลกระทบจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บางส่วนที่มองว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยลดลง หลังบอนด์ยีลด์ได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ การย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ ยังได้หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ ก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

นายพูนกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ชัดเจน แม้ว่าโมเมนตัมฝั่งแข็งค่าเริ่มกลับมา ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ เนื่องจากภาวะสงครามที่เกิดขึ้นได้หนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น และยังมีความเสี่ยงอยู่บ้างที่หากสถานการณ์สงครามทวีความรุนแรงมากขึ้น ก็อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นทดสอบโซน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ได้ไม่ยาก

ซึ่งภาพดังกล่าวอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ จากความกังวลแนวโน้มการขาดดุลการค้า ซึ่งจะกดดันแนวโน้มดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย ขณะเดียวกัน ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็อาจยังมีความผันผวนอยู่ ทั้งนี้ ประเมินว่า แรงขายสินทรัพย์ไทยอาจชะลอตัวลง หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ พลิกกลับมาย่อตัวลง ส่วนในฝั่งตลาดหุ้น เราเริ่มเห็นแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้ามาบ้าง

Advertisement

ทั้งนี้ ยังคงประเมินโซนแนวต้านของเงินบาทไว้แถว 37.25 บาทต่อดอลลาร์ และคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าไปมากกว่า 37.50 บาทต่อดอลลาร์ (ตามที่ได้ประเมินไว้ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน) ขณะที่การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยยังให้โซนแนวรับแรกแถว 36.80 บาทต่อดอลลาร์ และโซนแนวรับถัดไปที่ 36.60 บาทต่อดอลลาร์

“สินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากนโยบายการเงิน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง” นายพูนกล่าว

นายพูนกล่าวว่า ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ย่อตัวลงใกล้ระดับ 106 จุด (กรอบ 105.9-106.6 จุด) โดยแม้ว่าผู้เล่นบางส่วนอาจยังคงถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่เงินดอลลาร์ก็ไม่สามารถปรับตัวขึ้นไปได้มาก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดกลับเลือกที่จะถือ ทองคำ และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยหลักในช่วงนี้ นอกจากนี้เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนที่ระบุว่า เฟดอาจไม่จำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ

Advertisement

ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวลงของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐ และเงินดอลลาร์ได้ส่งผลให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องใกล้ระดับ 1,880 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว อาจหนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรได้ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

ทั้งนี้ สำหรับวันนี้ผู้เล่นในตลาดจะยังคงติดตามสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาสว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หรือ สงครามจะขยายวงกว้างจนกระทบทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางหรือไม่ นอกจากนี้ ตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง ทั้งเฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังในช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีเจ้าหน้าที่บางส่วนของทั้งเฟด และ ECB ออกมาส่งสัญญาณว่าการขึ้นดอกเบี้ยใกล้ถึงจุดยุติลงแล้ว ซึ่งอาจช่วยคลายความกังวลแนวโน้มธนาคารกลางหลักเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้นานขึ้น (Higher for Longer)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image