คิดเห็นแชร์ : ปัจจัยลบรุมเร้า ตลาดการเงิน

ปัจจัยลบรุมเร้า ตลาดการเงิน

บทความ “คิด เห็น แชร์” นี้ จะกล่าวถึง การลงทุนในตลาดการเงินที่ในขณะนี้มีความผันผวนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และรวมไปถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (โดยเฉพาะทองคำ) โดยปัจจัยล่าสุดที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั่วโลกล่าสุดก็คือ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ที่เพิ่มขึ้นมา ในขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังไม่สงบดี

ดัชนี SET index ล่าสุดขณะที่ผมเขียนบทความฉบับนี้ ได้ปรับลดลงกว่า -17% จากระดับสูงสุดของปีนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเป็นการทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบเกือบ 3 ปี แต่ในมุมด้าน Valuation กลับไม่ได้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นเท่าไหร่นัก โดยอัตราส่วน Forward PE (คำนวณ โดยนำดัชนี SET index หารด้วยประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนปี 2566 โดยผมใช้ข้อมูลจาก Bloomberg consensus) ล่าสุดเท่ากับ 16 เท่า ขณะที่ระดับ Forward PE สูงสุดของปีนี้อยู่ที่ราว 17.6 เท่า หรือระดับ Forward PE ไม่ได้ลดลงเท่าไหร่นัก เนื่องมาจากประมาณการกำไรฯ ถูกนักวิเคราะห์ปรับลดลงมาจากต้นปีแล้วราว -17% ดังนั้นดัชนี SET index ที่ลดลงมาจึงไม่ได้ทำให้อัตราส่วน Forward PE ลดลงมากนัก นอกจากนี้ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดพันธบัตร ยังเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติมต่อการลงทุนในตลาดหุ้น โดยปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ สะท้อนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่ยาวนานกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า ทำให้ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้น (คำนวณส่วนกลับของอัตราส่วน PE จะได้ค่า Earnings yield) เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) หรือที่เรียกว่า Earnings yield gap ซึ่งปัจจุบัน Earnings yield gap ลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมาก สะท้อนถึงความน่าสนใจลงทุนในตลาดหุ้นที่ลดลง (แม้ว่าดัชนี SET index จะพักฐานลงมาถึง 17% แล้วก็ตาม) ดังนั้นตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวในช่วงปลายปีนี้ได้หรือไม่ ผมประเมินว่าขึ้นอยู่กับตลาดพันธบัตรรัฐบาลว่า Bond yield จะเริ่มปรับลดลงได้หรือไม่

ความผันผวนในตลาดตราสารหนี้ เป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกที่แม้จะเริ่มทยอยลดลงแล้วก็ตาม แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางประเทศต่างๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้นักลงทุนยังกังวลต่อสถานการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยว่าจะยังอยู่ระดับที่สูงต่อเนื่อง นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับสูงขึ้นในขณะนี้ ซึ่งเป็นผลจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก และยังมีปัจจัยเร่งจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อิสราเอล-กลุ่มฮามาส เข้ามาเพิ่มเติม ทำให้นักลงทุนยังคงกังวลต่อแนวโน้มภาวะเงินเฟ้อจากต้นทุนพลังงาน และจะเป็นปัจจัยซ้ำเติมความกังวลต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางแต่ละประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ดีผมประเมินว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันมีโอกาสที่นักลงทุนสถาบัน และรวมถึงสถาบันการเงินต่างๆ จะเริ่มมองเป็นโอกาสในการเริ่มทยอยสะสมพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่สูง และยังเป็นที่พักเงินที่มีความปลอดภัยสูง หรือที่เรียกว่า Safe haven ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเริ่มที่จะปรับลดลง และทำให้สถานการณ์ในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นเริ่มมี Valuation ที่ผ่อนคลายลงได้บ้าง

Advertisement

ผมประเมินว่าจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกกังวลต่อโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นผลจากการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลางประเทศต่างๆ และรวมไปถึงปัจจัยลบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและจากสถิติในอดีตสินทรัพย์ที่ถือเป็น Safe haven ของนักลงทุน คงหนีไม่พ้น พันธบัตรรัฐบาล เงินดอลลาร์สหรัฐ และทองคำ ดังนั้นการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในปัจจุบันที่ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ (ราคาพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง) จึงถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติเท่าไหร่นัก ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ

โดยสรุปแล้ว สถานการณ์ตลาดการเงินทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ยังคงต้องเผชิญกับความผันผวนอีกสักระยะ โดยปัจจัยลบหลักๆ ที่กดดันการลงทุนในขณะนี้คือ ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก (และเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า) รวมทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะอันใกล้ได้ ดังนั้นการกระจายเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างเช่น ทองคำ และรวมไปถึงการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงในขณะนี้ จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน เพื่อรอให้สถานการณ์ต่างๆ ผ่อนคลายลงก่อนที่จะกลับมาเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้น

สุโชติ ถิรวรรณรัตน์
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image