จอดป้ายประชาชื่น : ทอง-หุ้น กลางไฟสงคราม

จอดป้ายประชาชื่น : ทอง-หุ้น กลางไฟสงคราม เดือนตุลาคม มักเป็นเดือนที่เกิดเหตุการณ์

เดือนตุลาคม มักเป็นเดือนที่เกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ในปี 2566 ก็เกิดสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม จนถึงวันนี้ผ่านไปแล้วกว่าครึ่งเดือน แต่ยังไม่เห็นวี่แววคลายตัวแล้ว สถานการณ์ยังดูมีแนวโน้มบานปลายมากขึ้น เมื่อโรงพยาบาลในฉนวนกาซาถูกระเบิด เสียชีวิตทันทีอีกกว่า 500 ชีวิต

เหตุการณ์สงครามซ้อนสงคราม จากรัสเซีย-ยูเครน มาถึงอิสราเอล-ฮามาส ได้มีอิทธิพลกดดันภาวะเศรษฐกิจโลกให้แย่ลงไปเรื่อยๆ และความเชื่อมั่นทุกมิติกลับมาตกลงอีกครั้ง กลุ่มดัชนีแรกๆ สะท้อนถึงความกังวลหนักหรือเบาระดับใด ยกให้ภาคการลงทุนประจำวัน ไม่ว่า หุ้น บาท ทองคำ ฯลฯ ที่จะมีปฏิกิริยาไวเป็นพิเศษเมื่อเกิดข่าวดีหรือข่าวร้าย

ฟากตลาดหุ้น ดัชนีหุ้นทุกตลาดทั่วโลก เกิดปฏิกิริยาปรับดิ่งทันที ไม่ว่าจะตลาดใหญ่หรือตลาดใหม่ ทั้งสหรัฐ ยุโรป ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมดัชนีหุ้นไทยร่วงลงๆ สะสมแล้วกว่า 70 จุด จากระดับ 1,469.36 จุด จนวันที่ 20 ตุลาคม อยู่ที่ 1,399.35 จุด

เมื่อหุ้นลงต่อเนื่อง ทำให้ตลาดนักลงทุน หันหาแหล่งลงทุนใหม่ ซึ่งสินทรัพย์ขึ้นชื่อว่าปลอดภัยสุด หรือเรียกว่าหลุมหลบภัยทางการเงิน (เซฟเฮฟเว่น) คือ ทองคำ ช่วง 2 สัปดาห์หลังเกิดเหตุรุนแรงในอิสราเอล ราคาขึ้นอย่างร้อนแรง เฉพาะเดือนตุลาคมนี้ ทองคำปรับขึ้นแล้วรวม 2,050 บาทต่อ 1 บาททองคำ เฉลี่ยต่อวันปรับตั้งแต่ 400-650 บาท นักลงทุนเก็งกำไรส่วนหนึ่งจึงหันลงทุนสะสมทองคำอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นบ่อยนัก

Advertisement

และยังทำสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือทำสถิตินิวไฮ 4-5 ครั้ง เพียงในเดือนเดียว ซึ่งก็ไม่เคยเกิดขึ้น!!

แต่ก็มีคำเตือนว่า ราคาทองคำแท่ง วันนี้ที่ระดับ 34,250 บาท ถือว่าสูงมากเกินไปแล้ว เพราะเป็นการปรับขึ้นจากความตกใจเรื่องสงคราม หากสงครามยุติลง ราคาทองคำก็จะลงโดยธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่มีใครคาดเดาได้อีกว่า ราคาทองคำขาลง จะไปอยู่ที่ใด กลายเป็นอาจติดดอย แบกรับต้นทุนสูงเกินไป

คำถามคือ เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ตลาดหุ้นและทองคำ จะหาฐานของตัวเองเจอที่ระดับเท่าใด นักลงทุนจะหลุดพ้นกับดักซื้อถัวเฉลี่ยราคาไหลลงได้หรือไม่

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image