พณ.ปลื้มพยุงส่งออก ก.ย. บวก 2.1% ชี้สัญญาณภัยแล้ง-สต๊อกความมั่นคง เอื้อบวกได้ต่อ สรท.ยืนปี’66 ติดลบ 1%
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออก เดือนกันยายน 2566 มีมูลค่า 25,476.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.1 % เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 23,383.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 8.3% ดุลการค้า เกินดุล 2,092.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 213,069.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 3.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 218,902.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 6% ดุลการค้า 9 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 5,832.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
การส่งออกกันยายน 2566 ขยายตัว 2.1% หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 1% การส่งออกของไทยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง โดยแรงหนุนจากการการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ไปจีน อาทิ ทุเรียน และมังคุด ส่งออกข้าวที่ขยายตัวได้ดีในตลาดแอฟริกาใต้และอินโดนีเซีย และการสินค้าอุตสาหกรรมดาวรุ่งตามเมกะเทรนด์ เช่น โซลาร์เซลล์ และโทรศัพท์มือถือ
นายกีรติกล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าการส่งออกในไตรมาส 4 ของปี 2566 จะมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามการทยอยฟื้นตัวของประเทศคู่ค้า ที่ต่างออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและอุปสรรค
ด้านห่วงโซ่อุปทานคลี่คลายลงจากปีก่อนหน้าที่ต้องเผชิญกับโควิด-19 ขณะที่กระแสความมั่นคงทางอาหาร และแรงส่งจากภาคบริการและท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปลายปีจะช่วยหนุนการส่งออกสินค้าเกษตร และอาหารที่ไทยมีศักยภาพ
สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมยังสามารถเติบโตได้ตามเทรนด์เทคโนโลยีดิจิทัลและพลังงานสะอาด โดยกระทรวงพาณิชย์ทำงานอย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าและเดินหน้าเจรจาความร่วมมือทางการค้าระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังความเสี่ยงใหม่ๆ จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ซึ่งอาจขยายวงกว้างจนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าของโลกในระยะถัดไป
“เทียบตลาดส่งออกในหลายประเทศ พบว่าตัวการติดลบลดลง สะท้อนว่ากำลังซื้อรับปีใหม่ กลับมาอีกครั้ง และหลายประเทศเจอภัยแล้ง จะเป็นตัวกระตุ้นเพิ่มการนำเข้า เชื่อว่าส่งออกจากนี้จะดีขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าหากไทยยังคงมูลค่าการส่งออกต่อเดือนประมาณ 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลส่งออกไตรมาสสุดท้ายของปีกลับมาเป็นบวก และทำให้ส่งออกทั้งปี 2566 ติดลบต่ำกว่า 1% อย่างไรก็ตาม เป้าการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ยังคงไว้บวก 1%” นายกีรติกล่าว
ทั้งนี้ ในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ จะมีการประชุมทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์และรับฟังข้อเสนอการผลักดันการส่งออกในปี 2567 ก่อนนำเสนอที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 10 พฤศจิกายน เพื่อกำหนดทิศทางและเป้าหมายการส่งออก
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า เดิมคาดกว่าเดือนกันยานส่งออกไม่น่าเป็นบวกได้ เพราะฐานปีก่อนสูง แต่ด้วยความร่วมมือรัฐและเอกชน แก้ปัญหาต่างๆ เช่น รถยนต์ และปัญหาขนส่งทางทะเลไม่ติดขัด และความวิตกต่อปัญหาสงครามอิสราเอลไม่ได้ขยายวงกว้าง จึงส่งผลต่อการสั่งซื้อเพื่อเป็นสต๊อกช่วงปีใหม่มีต่อเนื่อง หาก 2 เดือนสุดท้ายไม่มีปัญหาส่งครามจนกระทบต่อการขนส่งทางทะเล และส่งมอบสินค้าได้ทัน โอกาสที่ส่งออกทั้งปี 2566 น่าจะติดไม่เกิน 1% จากเดิมมองไว้ลบ 2-3%
“ปัจจัยต้องติดตามจากนี้คือ ปัญหาต้นทุนการขนส่ง ที่อาจสูงได้หากราคาพลังงานปรับสูง และความเสี่ยงต่อภัยสงคราม อาจทำให้ค่าระวางปรับขึ้นไม่เกิน 10% ซึ่งยังอยู่ในวิสัยการค้าที่รับได้ เราวิตกอย่างเดียวคือขาดแคลนเรือและระบบขนส่งทางเรือติดขัด เชื่อว่าปีนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น” นายชัยชาญกล่าว