จับตาผลประชุมธนาคารกลางยุโรปวันนี้ กดดันบาทเคลื่อนไหวผันผวนที่ระดับ 36.15-36.35 บาท/ดอลล์

จับตาผลประชุมธนาคารกลางยุโรปวันนี้ กดดันบาทเคลื่อนไหวผันผวนที่ระดับ 36.15-36.35 บาท/ดอลล์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.24 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.22 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.15-36.35 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และรายงานจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ และมองกรอบในช่วง 36.05-36.55 บาทต่อดอลลาร์ หลังตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB และรายงานจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงบ้าง (แกว่งตัวในช่วง 36.13-36.25 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกจำกัดโดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำสามารถทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.)

นายพูนกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินอาจกดดันให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.30 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก (แนวต้านถัดไปจะอยู่ในโซน 36.50-36.60 บาทต่อดอลลาร์) ซึ่งต้องจับตาว่า นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาเทขายทั้งหุ้นและบอนด์ไทยเพิ่มเติมหรือไม่ หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรงในคืนที่ผ่านมา อีกทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ปรับตัวขึ้นใกล้โซน 5% อีกครั้ง นอกจากนี้ ในช่วงปลายเดือน โฟลว์ซื้อเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้าก็อาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง

Advertisement

ทั้งนี้ หากราคาทองคำยังคงทรงตัวแถว 1,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ ปรับตัวขึ้นบ้าง ก็อาจเห็นโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ ซึ่งจะช่วยชะลอการอ่อนค่าลงของเงินบาทได้ แต่เงินบาทอาจยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าได้ชัดเจน จนกว่าตลาดจะคลายกังวลต่อแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย หรือ คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน (Higher for Longer)

นายพูนกล่าวว่า ผู้เล่นในตลาด ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน ตั้งแต่ช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม ECB รวมถึงถ้อยแถลงของประธาน ECB (ในช่วงเวลาประมาณ 19.15 น. และ 19.45 น. ตามเวลาประเทศไทย) และรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 (ในช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) โดยหาก ECB กังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนมากขึ้น พร้อมส่งสัญญาณจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยที่ชัดเจน ขณะที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ก็อาจหนุนให้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อได้ไม่ยาก ซึ่งอาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.50-36.60 บาทต่อดอลลาร์ได้

นายพูนกล่าวว่า ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดการเงินผันผวนและปิดรับความเสี่ยง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 106.5 จุด (กรอบ 106.2-106.6 จุด)

Advertisement

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวสูงขึ้น ทว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงสามารถทยอยปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากแรงซื้อทองคำในช่วงตลาดการเงินผันผวน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดก็เริ่มคลายกังวลต่อสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสไปพอสมควร ทั้งนี้ เรามองว่า ราคาทองคำมีความเสี่ยงที่จะผันผวนสูงและปรับตัวลดลงได้ หากตลาดกลับมากังวลแนวโน้มการเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของบรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะเฟด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ ถ้ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งและดีกว่าคาด

“ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง แนะนำผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) เพื่อบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง”นายพูนกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image