“แสนสิริ”ไม่ห่วงดอกเบี้ยขาขึ้น คาดขยับเล็กน้อย จับตาโครงสร้างพื้นฐานรัฐเกิดจริงปีนี้หรือไม่ พร้อมลุยปีนี้ เปิดตัว 19 โครงการใหม่ มูลค่า 4.12 หมื่นล้าน

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% จากปัจจัยบวก ได้แก่ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่มีผลโดยตรงในการผลักดันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้เติบโตเพิ่มขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ภาครัฐอาจจะประกาศออกมาภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากนี้ ราคาพืชผลการเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในตลาดระดับล่างดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบที่ยังน่ากังวลคือ แผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะเริ่มเห็นผลในปีนี้หรือไม่ เนื่องจากมองว่ายังมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง อาทิ การเวนคืนที่ดิน ในขณะเดียวกันแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในต่างจังหวัดยังไม่มีแผนที่ชัดเจน จึงทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดยังคงทรงตัวต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง

“สำหรับปัจจัยการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย มองว่าจะไม่กระทบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์มากนัก เนื่องจากคาดว่าจะมีการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย จึงไม่กระทบตลาดโดยรวม ทั้งนี้ในส่วนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ในฐานะผู้ประกอบการมีความเห็นว่ายังไม่จำเป็นในขณะนี้ เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังพอเติบโตได้ คาดว่าตลาดรวมปีนี้จะเติบโตประมาณ 5% จึงอยากให้ภาครัฐไปกระตุ้นหรือนำภาษีไปใช้กับส่วนอื่นมากกว่า” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับแผนธุรกิจในปี 2560 บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 19 โครงการ มูลค่ารวม 41,200 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายรวม 36,000 ล้านบาท ประมาณการรายได้รวม 34,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 8 โครงการ บ้านเดี่ยว 9 โครงการ และทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ และสำหรับโครงการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท บีทีเอส จะเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องอีก 4 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท และสำหรับในไตรมาส 1 นี้จะเปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์จำนวน 1 โครงการ มูลค่ารวม 90 ล้านบาท จำนวนทั้งหมด 16 ยูนิต ในระดับราคา 2-4 ล้านบาท

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางการพัฒนาโครงการในปีนี้ บริษัทจะเปิดตัวโครงการระดับไฮเอนด์ในสัดส่วนที่มากขึ้น โดยไฮไลท์ของปีนี้จะเปิดบ้านเดี่ยวระดับบน ในแบรนด์บ้านแสนสิริ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ในราคาเฉลี่ยยูนิตละ 80 ล้านบาท การขยายตลาดต่างประเทศ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อในต่างประเทศ โดยปีนี้คาดว่าจะขยายตลาดไปยังญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีฐานลูกค้าในฮ่องกง สิงคโปร์และจีนแล้ว การลงทุนพร็อพเพอร์ตี้เทค โดยการนำข้อมูลบิ๊กดาต้ามาใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

Advertisement

นายวันจักร์กล่าวว่า สำหรับปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 20 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียมสัดส่วน 2 ใน 3 จากโครงการทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นโครงการแนวราบ สำหรับประกอบการปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขาย 31,100 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8% จากปี 2558 และมียอดขายรอรับรู้รายได้ 39,000 ล้านบาท จากการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท บีทีเอส ซึ่งในขณะนี้พัฒนาโครงการไปแล้ว 8 โครงการ มียอดขาย 70% รวมมูลค่า 21,000 ล้านบาท การขยายตลาดคอนโดมิเนียมระดับล่าง โดยเฉพาะในทำเลรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ การขยายตลาดต่างประเทศ ที่ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 55% การสร้างแบรนด์ รวมถึงการออกแบบและการนำเข้าวัสดุตกแต่ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image