หุ้นไทยดีดบวก 17 จุด หลังทิ้งตัวกว่า 30 จุด รับราคาน้ำมันพุ่ง-ต่างชาติซื้อพันธบัตรไทย 4 วันติด
วันที่ 27 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบสลับบวก โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,371.22 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,388.23 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 17.01 จุด หรือ 1.24% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,390.79 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,366.19 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 41,247.37 ล้านบาท
โดยนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ดัชนีปรับลดลงในแดนลบระหว่างการซื้อขายประมาณ 5 จุด ก่อนดีดตัวขึ้น (รีบาวด์) ได้เกือบ 20 จุด เป็นแรงวิ่งกลับขึ้นมาของดัชนีหลังจากเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ปรับตัวลดลงไปลึกกว่า 30 จุด รวมถึงการซื้อขายภาคบ่ายได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมา ดันหุ้นกลุ่มพลังงานให้กลับมาปรับตัวขึ้นนำตลาดด้วย โดยปริมาณการซื้อขายถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้ลดลงมากนัก เนื่องจากเคยปรับลดลงไปเหลือเพียง 3 หมื่นล้านบาทต้นๆ เท่านั้น ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงตลาดตราสารหนี้ไทยปรับเป็นบวกต่อเนื่องวันที่ 4 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,001 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) อายุ 5 ปี และ 10 ปี ปรับตัวลง -6 bps. และ -4 bps. อยู่ที่ 2.90% และ 3.28% ตามลำดับ ถือเป็นบรรยากาศเชิงบวกต่อดัชนีผ่าน Earning Yield Gap โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้า และไฟแนนซ์ ที่มักเคลื่อนไหวผกผันกับบอนด์ยีลด์ อาทิ GPSC, BGRIM, SAWAD
“แนวโน้มสัปดาห์มองว่าต้นสัปดาห์ยังค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากนักลงทุนน่าจะรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ และการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวแนวรับที่ระดับ 1,370 จุด แนวต้านที่ระดับ 1,400 จุด หากผ่านไปได้ แนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,420 จุด แต่คาดการณ์ว่าหากผลการประชุมเฟดออกมา จะทำให้บอนด์ยีลด์ปรับลดลง ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพักตัว สนับสนุนให้หุ้นตลาดเกิดใหม่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้” นายณัฐพลกล่าว
