ชาวไร่ลุ้นข่าวดี กก.สมดุลน้ำตาลยอมขึ้น 2 บาท ต้นทุนแพง ‘ปุ๋ยพุ่ง 44% – น้ำมันพุ่ง 39%’

ชาวไร่ลุ้นข่าวดี กก.สมดุลน้ำตาลยอมขึ้น 2 บาท หลังพบต้นทุนแพง ปุ๋ยพุ่ง 44% – น้ำมันพุ่ง 39%

รายงานข่าวจาก คณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล แจ้งว่า วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ คาดคณะทำงานฯ จะหารือและได้ข้อสรุปเกี่ยวกับข้อเท็จจริงสถานการณ์อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล โดยเฉพาะประเด็นต้นทุนการผลิตอ้อยที่สะท้อนราคาน้ำตาล โดยพบว่าต้นทุนการผลิตอ้อยปีนี้สูงมาก (ฤดูการผลิต 2565/66) เฉลี่ย 12,000-13,000 บาทต่อไร่ ซึ่งเริ่มผลิตตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะราคาปุ๋ยสูงขึ้นเฉลี่ย 44% เพราะเป็นช่วงที่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ขณะเดียวกันราคาน้ำมันก็สูงขึ้นเฉลี่ย 39% ได้รับผลกระทบจากสงครามเช่นกัน และยังมีต้นทุนยาปราบศัตรูพืช ค่าขนส่งที่ปรับสูงขึ้น

นอกจากนี้ ผลจากปัญหาภัยแล้ง ฝนตกน้อยลง ทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยต้องสูบน้ำมากขึ้น ทำให้ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย และภัยแล้งยังทำให้ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อย (ยิลด์) ลดลงมาก จากอ้อย 10-11 ต้นต่อไร่ และเคยสูงสุด 12 ตันต่อไร่ เป็น 9-10 ตันต่อไร่

“ด้วยต้นทุนที่ชาวไร่กำลังประสบ ทำให้คณะทำงานฯได้รับข้อมูลรอบด้าน เกิดความเข้าใจ เบื้องต้นคาดว่าจะอนุมัติให้ราคาน้ำตาลหน้าโรงงานปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2 บาทต่อ กก. เป็นระดับ 21-22 บาทต่อ กก. ขณะที่ราคาขายปลีกน่าจะยังควบคุม ส่วนจะอยู่ระดับใด คณะทำงานฯจะพิจารณาราคาที่เหมาะสมอีกครั้ง” รายงานข่าวระบุว่า

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ด้วยสาเหตุจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะปุ๋ยและน้ำมัน ประกอบกับผลจากราคาน้ำตาลตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นไประดับ 27-28 บาทต่อ กก. ยังจูงใจผู้ส่งออกเลือกส่งออกมากกว่าขายในประเทศ อาจทำให้ตลาดในประเทศตึงตัวที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) จึงออกประกาศขึ้นราคาน้ำตาลหน้าโรงงาน 4 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) จาก 19-20 บาทต่อ กก. เป็น 23-24 บาทต่อ กก.

จากนั้นคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ออกประกาศเป็นสินค้าควบคุมและกำหนดราคาน้ำตาลหน้าโรงงานกลับไป 19-20 บาทต่อ กก. ทำให้ชาวไร่ออกมาเคลื่อนไหวเตรียมปิดโรงงานน้ำตาล จึงมีการตั้งคณะทำงานบริหารความสมดุลในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลขึ้นมาเพื่อหาข้อยุติดังกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image