ราคาทองคำ-น้ำมันดิบปรับตัวลดลง ทำโฟลว์ธุรกรรมหาย ฉุดบาทอ่อนค่า

ราคาทองคำ-น้ำมันดิบปรับตัวลดลง ทำโฟลว์ธุรกรรมหาย ฉุดบาทอ่อนค่า

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.59 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาทต่อดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน (แกว่งตัวในช่วง 35.50-35.62 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ ก่อนที่เงินบาทจะทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวมากขึ้น และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันเงินบาท

นายพูนกล่าวว่า สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลักทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) โดยผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ถ้อยแถลงของประธานเฟด (ตลาดจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 2.00 น. ของเช้าวันศุกร์ ตามเวลาประเทศไทย) ที่คาดว่าจะมีการกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟดมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้พอสมควร

Advertisement

“และในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะรอจับตาแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ว่าจะเพิ่มสูงขึ้น และสะท้อนภาพการชะลอตัวที่มากขึ้นของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้หรือไม่”นายพูนกล่าว

นายพูนกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท อาจแกว่งตัว sideway ในกรอบไปก่อน ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ หรือ จนกว่าตลาดจะมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ชัดเจน นอกจากนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทยยังมีความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่ได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ฟันด์โฟลว์ในฝั่งบอนด์จากนักลงทุนต่างชาติก็ยังคงมีอยู่ ตามการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และทิศทางเงินบาทที่เริ่มกลับมาเป็นฝั่งแข็งค่า และที่สำคัญ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้บรรดาผู้นำเข้าบางส่วนทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ได้บ้าง อีกทั้งในช่วงนี้ ราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบต่างปรับตัวลงต่อเนื่อง ก็ทำให้มีโฟลว์ธุรกรรม ซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวจากผู้เล่นในตลาดเพิ่มเติม ซึ่งอาจชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้ไม่ยาก

Advertisement

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจมากว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และเฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1% ในปีหน้า เริ่มตั้งแต่การประชุมเดือนพฤษภาคม ทำให้หากถ้อยแถลงของประธานเฟด ทำให้ตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองดังกล่าว ก็อาจทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น หนุนให้ เงินดอลลาร์แข็งค่า พร้อมกับ กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้

นายพูนกล่าวว่า ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง และถ้อยแถลงของประธานเฟดก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายการเงินเฟดอย่างที่ตลาดคาดหวัง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 105.5 จุด (กรอบ 105.4-105.9 จุด)

ขณะเดียวกัน ราคาทองคำ แม้ว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ จะย่อตัวลงบ้าง ทว่า บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์สงครามที่ลดลง กอปรกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่ยังกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สู่โซน 1,955 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยการปรับตัวลดลงดังกล่าว อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่า

“ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง แนะนำผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) เพื่อบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง”นายพูนกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image