บีซีพีจีกางแผน 7 ปีทุ่ม 50,000 ล้านบาท ดันพอร์ต 2,000 เมก ปักธงกำไร 3,000 ล้าน ได้รับรองความเป็นกลางทางคาร์บอน
แหล่งข่าวจาก บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ตั้งกรอบวงเงินลงทุนเบื้องต้นไว้ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในปี 2573 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.ผลตอบแทน มีรายได้สุทธิจากการลงทุน หรือกำไร 3,000 ล้านบาท 2. การลงทุน มีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 2,000 เมกะวัตต์ และ3. ความยั่งยืน ได้รับการรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอน
นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วง 7 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย Green Expanded ขยายกำลังการผลิต ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คู่สร้างความแข็งแกร่งด้านการเงิน ต่อยอดลงทุนธุรกิจนิวเอสเคิร์ฟ และ Green Innovation พัฒนานวัตกรรมพลังงานสีเขียว ตอบโจทย์การใช้พลังงานยั่งยืน รวมทั้ง Green Target ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ ปี 2593 โดยปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าลงทุน 14,000 ล้านบาท กว่า 60% หรือ 8,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการที่อยู่ในพอร์ตให้เสร็จตามแผน ประกอบด้วย โครงการพลังงานลม มอนสูน สปป.ลาว โรงไฟฟ้าพลังงานลมใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชีย ขนาด 600 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์สิ้นปี 2568 , โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไต้หวัน กำลังผลิตติดตั้งรวม 469 เมกะวัตต์ ก่อสร้างปี 2567 เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 58 เมกะวัตต์ปี 2568 และเปิดดำเนินการทั้งหมดปี 2569 , โรงไฟฟ้าพลังงานลมนาบาส-2 กำลังการผลิต 13.2 เมกะวัตต์ บนเกาะวิซายัส เมืองนาบาส สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เริ่มก่อสร้างต้นปี 2566 เปิดปี 2568
นอกจากนี้ ยังลงทุนธุรกิจเมืองอัจฉริยะ โครงการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง พื้นที่โครงการสามย่านสมาร์ทซิตี้ และโครงการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมืองอัจฉริยะ บริษัทฯ ลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟทอปบนหลังคาอาคารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กำลังผลิตรวม 15 เมกะวัตต์ และนำระบบกักเก็บพลังงานมาใช้ในการบริหารจัดการพลังงาน ต้นแบบระบบส่งไฟฟ้าอัจฉริยะ เสร็จต้นปี2567 นอกจากนี้งบประมาณกว่า 40% หรือ 6,000 ล้านบาท ลงทุนโครงการใหม่ อาทิ ธุรกิจกักเก็บพลังงานทั้งยานยนต์ไฟฟ้าและโรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว และธุรกิจการบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ คาดว่าอีบิทด้าจะเติบโต 30%
นายชาญวิทย์ ตรังอดิศัยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุน บีซีพีจี กล่าวถึงแผนลงทุนช่วง 7 ปี 50,000 ล้านบาท ว่า วงเงินดังกล่าวอาจดูไม่มากนัก ถ้าเทียบกับการลงทุนแต่ละปีของบีซีพีจี ที่ล่าสุดลงทุนปีนี้กว่า 32,000 ล้านบาท และเตรียมลงทุนปี 2567 ประมาณ 14,000 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากบริษัทซึ่งอยู่ในกลุ่มบางจาก ตั้งมาเพียง 8 ปีทำให้ช่วงแรกต้องลงทุนสูง เพื่อให้เกิดผลตอบแทนในระยะยาว แต่ปัจจุบันเริ่มมีหลายโครงการสร้างผลตอบแทน หรือมีการขายกิจการออกไปเพื่อสร้างกำไร จึงทำให้ประเมินเงินลงทุนไม่สูงนักเพื่อให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากที่สุด
