บอร์ดอีอีซี ไฟเขียวแผน 5 ปี-อีอีซีวีซ่า เร่งกฎหมายลูกจบสิ้นปีนี้ หวังดูดลงทุนได้จริง

บอร์ดอีอีซี ไฟเขียวแผน 5 ปี-อีอีซีวีซ่า เร่งกฎหมายลูกจบสิ้นปีนี้ หวังดูดลงทุนได้จริง

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ว่า กพอ.ได้เห็นชอบแผนรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2566-2570 พัฒนา 5 แนวทาง ประกอบด้วย

1.ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายและบริการแห่งอนาคต 2.เพิ่มประสิทธิภาพและการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค 3.ยกระดับทักษะแรงงานให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและนวัตกรรม

4.พัฒนาเมืองให้มีความทันสมัย น่าอยู่อาศัยและเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ และ 5.เชื่อมโยงประโยชน์จากการลงทุนสู่ความยั่งยืนของชุมชน ตั้งเป้าหมายเกิดการลงทุนจริงในพื้นที่ ช่วง 5 ปี รวม 500,000 ล้านบาท เฉลี่ย 100,000 ล้านบาทต่อปี ผลิตภัณฑ์มวลรวมของพื้นที่อีอีซี ขยายตัว 6.3%

Advertisement

นายภูมิธรรม กล่าวว่า กพอ.ยังเห็นชอบการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (อีอีซีวีซ่า) โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ลงทุนในพื้นที่อีอีซี นำคนต่างด้าวเข้ามาภายใต้อีอีซี วีซ่า ได้ ประกอบด้วย 1.ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ประเภท Specialist : EEC Visa “S” 2. ผู้บริหาร ประเภท Executive : EEC Visa “E” 3.ผู้ชำนาญการ ประเภท Professional : EEC Visa “P”

และ 4.คู่สมรสและผู้ติดตาม ประเภท Other : EEC Visa “O” โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่สำคัญ ได้แก่ ได้รับ EEC Work permit อัตโนมัติ เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ณ อัตราคงที่ 17% อายุ VISA สูงสุด 10 ปี ตามระยะเวลาตามสัญญาจ้าง ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง รายงานตัวผ่านระบบออนไลน์ ใช้ช่องทางพิเศษ ณ สนามบินนานาชาติทั่วประเทศไทย เริ่มขอรับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

นายภูมิธรรม กล่าวว่า กกพ.ยังเห็นชอบแนวทางการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยอยู่ระหว่างจัดทำร่างประกาศ กพอ. ซึ่งเป็นกฎหมายลูก เพื่อกำหนดสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการกิจการ มี 5 หลักการที่สำคัญ ได้แก่ การสร้างนวัตกรรมการให้บริการภาครัฐ การเจรจาสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ การพิจารณาให้สิทธิประโยชน์ การบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน และการติดตามตรวจสอบ

Advertisement

ทั้งนี้ ในการเจรจาสิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบกิจการ คณะกรรมการจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ แผนการลงทุน รวมถึงระยะเวลาเริ่มการลงทุนหรือประกอบกิจการ ความสำคัญของกิจการต่อซัพพลายเชน และเวลูเชน มูลค่าเงินลงทุนที่ใช้ในการประกอบกิจการ การใช้ทรัพยากรในประเทศ ระดับเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการ การถ่ายทอดความรู้ และการช่วยเหลือชุมชนโดยรอบ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า นอกจากนี้ กกพ.ได้รับทราบการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อีอีซี เพื่อให้เกิดความมั่นคงและเพิ่มศักยภาพมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมในพื้นที่ สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน และประชาชน โดยแนวทางบริหารจัดการน้ำที่สำคัญ สกพอ. ได้ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมชลประทาน การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) กรมธนารักษ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริหารจัดการน้ำภาพรวมในพื้นที่อีอีซี อาทิ การสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่มเติม กำหนดแนวทางการสูบผันน้ำระหว่างอ่างเก็บน้ำภาครัฐ การอนุญาตให้ผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำที่สร้างเสร็จแล้วในจังหวัดจันทบุรีมาที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยองได้ทันทีหากเกิดกรณีขาดแคลนน้ำ การขยายโครงข่าย ท่อน้ำดิบ ท่อผันน้ำและท่อเชื่อมอย่างบูรณาการ

โดยมีการตั้งอนุกรรมการส่งเสริมและกำกับการบริหารจัดการน้ำ เพื่อกำกับดูแลความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่อีอีซีได้อย่างต่อเนื่อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image