ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.82 บาทต่อดอลลาร์ ‘ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง’
วันที่ 30 พ.ย.66 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.82 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.70-34.95 บาทต่อดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหว sideway (แกว่งตัวในช่วง 34.75-34.92 บาทต่อดอลลาร์) โดยแม้จะมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ แต่เงินบาทก็ยังพอได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ และจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ในช่วงหลัง
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) ของจีน ในเดือนพฤศจิกายน โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น สะท้อนจากดัชนี PMI ภาคการบริการที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.1 จุด (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) ขณะที่ ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของจีน อาจยังอยู่ในภาวะหดตัว โดยดัชนี PMI ภาคการผลิต จะยังคงต่ำกว่าระดับ 50 จุด
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน รวมถึง ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของอีซีบี ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างก็คาดหวังว่าอีซีบีจะทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีหน้า
และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE รวมถึง รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้อย่างมีนัยสำคัญ
นายพูนกล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เริ่มมีความเสี่ยงที่จะเคลื่อนไหวแบบ two-way ซึ่งจะขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด โดยเริ่มเห็นความเสี่ยงด้านอ่อนค่า มากกว่าการแข็งค่า หลังล่าสุด ผู้เล่นในตลาดเริ่มเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1.25% ในปีหน้าและเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมเดือนมีนาคม
ทว่า ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ก็ยังไม่ได้ชะลอตัวลงชัดเจนมากนัก ทำให้มีความเสี่ยงที่ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ PCE ในคืนนี้ ออกมาดีกว่าคาด และยังคงสะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งอยู่ ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดมีการปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้ ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น กดดันให้ เงินบาทและราคาทองคำย่อตัวลงได้
นายพูน กล่าวว่า อย่างไรก็ดี หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจหนุนให้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่เงินบาทก็อาจยังติดโซนแนวรับแถว 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ที่เรายังคงเห็นโฟลว์ซื้อเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศจากบรรดาผู้ประกอบการในช่วงปลายเดือน
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงิน ในช่วงทยอยรับรู้รายงานดัชนี PMI ของจีน เพราะหากออกมาดีกว่าคาด ก็อาจหนุนให้ เงินหยวนจีนทยอยแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชียได้ ในทางกลับกัน ข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่แย่กว่าคาด ก็อาจกดดันเงินหยวนจีนและสกุลเงินฝั่งเอเชียให้อ่อนค่าลง โดยในกรณีดังกล่าว เงินบาทก็อาจอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเราคาดว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ง่ายนัก
“ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง แนะนำผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) เพื่อบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง”นายพูนกล่าว