ดีเดย์ 15 ธ.ค. เปิดเดินรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะแรก

แฟ้มภาพ

‘สุรพงษ์’ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเปิดเดินรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ประเดิมเปิดใช้งาน ระยะแรก 15 ธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน จ.ราชบุรี ว่า ปัจจุบันภาพรวมการดำเนินงานการก่อสร้างงานโยธามีความคืบหน้ากว่า 97% เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้มอบนโยบายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เร่งรัดก่อสร้างโครงการ และสามารถเปิดใช้งานเปิดใช้ทางคู่ในช่วงแรก ระหว่างสถานีบ้านคูบัว จ.ราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จ.ชุมพร รวมระยะทาง 348 กิโลเมตร ได้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2566

นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า ส่วนช่วงที่ 2 ระหว่างสถานีนครปฐม-บ้านคูบัว มีแผนจะเปิดใช้ทางคู่ประมาณช่วงเดือนเมษายน 2567 ขณะที่งานสะพานกลับรถ สะพานข้ามทางรถไฟ ได้มีการเปิดใช้งานและยกเลิกทางข้ามเสมอระดับทางรถไฟ จำนวน 24 แห่ง จากทั้งหมด 30 แห่ง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟ-รถยนต์ให้กับพี่น้องประชาชนได้อีกทางหนึ่งด้วย

Advertisement

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ทั้งนี้ ยังได้ติดตามและมอบนโยบายให้การรถไฟฯเร่งรัดการติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างและเครื่องสูบน้ำบริเวณอุโมงค์ทางลอดใต้ทางรถไฟในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกบ ปากแรต นครชุมน์ และหลังวัดดอนตูม โดยขณะนี้การรถไฟฯได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราวในระหว่างที่รอการติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำถาวรที่ถูกลักลอบขโมยไป โดยจะติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำถาวรทั้งหมด 4 แห่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2566

นอกจากนี้ ยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานีรถไฟชุมทางหนองปลาดุกเพื่อรับฟังผลการดำเนินงาน เรื่องการใช้สิทธิเหนือพื้นดินในโครงการรถไฟทางคู่ช่วงพื้นที่ จ.ราชบุรี และรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก (กาญจนบุรี) ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานราชการใน จ.ราชบุรี ขอใช้พื้นที่ของการรถไฟฯจัดทำพื้นที่สาธารณะประโยชน์ อาทิ สวนหย่อม ถนนคูคลอง ทางระบายน้ำ ในย่านสถานีรถไฟ คลองส่งน้ำเพื่อการเกษตร จำนวน 27 แห่ง จึงได้มอบให้การรถไฟฯเร่งรัดดำเนินการในด้านต่างๆ ให้แล้วเสร็จ

Advertisement

“การพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่สายใต้จะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2567 นับเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจ เชื่อมโยงการเจริญเติบโตสู่ภูมิภาค ตลอดจนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย และเป็นการพลิกโฉมการคมนาคมขนส่งระบบรางของประเทศครั้งสำคัญ ให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมของภูมิภาคอาเซียนในอนาคตอันใกล้ต่อไป” นายสุรพงษ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image