นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยภายหลังชี้แจงทำความเข้าใจกับนักลงทุนและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 100 ราย ว่า กรมคัดเลือกที่ราชพัสดุจำนวน 15 แปลง ใน 13 จังหวัด ได้แก่ แปลงใหญ่ จำนวน 4 แปลง ใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย แปลงวังค้างคาว กรุงเทพมหานครพื้นที่กว่า 3 งาน แปลงเกาะกูด จังหวัดตราด พื้นที่กว่า 48 ไร่ และแปลงบริเวณท่าเทียบเรือปอ จังหวัด เนื้อที่กว่า 6 พันตารางว่า แปลงหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กว่า 25 ไร่ ส่วนแปลงเล็กมีจำนวน 11 แปลง /9 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย จังหวัดแพร่ จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดยโสธร จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดสงขลา จังหวัดตรัง และจังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่มีเนื้อที่เฉลี่ยไม่ถึงงานจนถึง 1 ไร่
นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า กรมจะเริ่มให้ซื้อซองประมูลที่ดินทั้ง 15 แปลงจนถึงวันที่ 23 กุมพาพันธ์ 2560 หลังจากนั้นเปิดให้ยื่นซองถึงวันที่ 25 เมษายน คาดว่าไม่เกินเดือนกรกฎาคมจะได้ผู้ชนะการประมูล โดยทั้ง 15 แปลงมีระยะเวลาเช่าประมาณ 10-30 ปี กรมฯได้กำหนดราคาประมูลเบื้องต้นรวมที่ 1.4-1.5 พันล้านบาท คาดมูลค่ามีการลงทุนขั้นต่ำอยู่ประมาณ 400 ล้านบาท เพราะไม่ได้เป็นพื้นที่ราชพัสดุขนาดใหญ่ ส่วนแผนการพัฒนาพื้นที่นั้น พื้นที่ราชพัสดุจะเป็นตัวกำหนดรูปแบบการพัฒนาอยู่แล้ว เช่น บนเกาะต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยว วังค้างค้าว ต้องทำในเชิงอนุรักษ์เป็นต้น ประเมินว่าพื้นที่ที่นักลงทุนจะให้ความสนใจมาก คือ ที่ราชพัสดุบริเวณหัวหิน เกาะกูด วังค้างคาว และ บริเวณท่าเรือต่างๆ
“การเปิดประมูลที่ราชพัสดุครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดศักราชการประมูลที่ราชพัสดุ ซึ่งจะแตกต่างจากในอดีตที่กรมฯจะเปิดเป็นรายแปลง ทำให้ข่าวสารที่นักลงทุนได้ไม่ทั่วถึง แต่ครั้งนี้ จะเป็นการเปิดประมูลจำนวนหลายแปลงพร้อมๆกัน ทำให้ข่าวสารที่นักลงทุนได้นั้น เกิดขึ้นพร้อมๆกันและกระจายอย่างทั่วถึง ทำให้นักลงทุนเกิดความสนใจลงทุนมากขึ้น”นายจักรกฤศฎิ์ กล่าว
