เปิดแผน ‘ซีเพลน’ ดึงนักเที่ยวบินพรีเมียม

เปิดแผน ‘ซีเพลน’ ดึงนักเที่ยวบินพรีเมียม

จากนโยบายรัฐบาลชุดเศรษฐา 1 ที่ต้องการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักเทียบเท่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นนโยบายที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ โดยรัฐบาลชุดเศรษฐา 1 ได้มีการออกมาตรการฟรีวีซ่า เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยเริ่มต้นจากการดึงนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน เข้ามาในประเทศไทยก่อนที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไป

ในด้านของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว อย่างกระทรวงคมนาคม ได้เตรียมแผนรับมือภาคการท่องเที่ยวไว้แล้ว โดย สุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะผู้กำกับดูแล บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้มอบนโยบายการดำเนินงานให้แก่ผู้บริหาร บวท. ว่าได้มอบนโยบายให้นำเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้กับการดำเนินภารกิจของหน่วยงานอย่างสร้างสรรค์ ให้เป็นองค์กรที่ทันสมัย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ซึ่งจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล ทำให้การเดินทางมากขึ้น จึงให้ บวท.เตรียมความพร้อมการจัดจราจรทางอากาศรองรับเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

บวท.แจ้งว่า มีบริษัทเอกชนบางรายสนใจทำธุรกิจให้บริการ เครื่องบินทะเล (Sea Plane) หรือ ซี เพลน โดยอยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตประกอบการกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) แล้ว อาทิ บริษัท สยาม ซีเพลน จำกัด ที่มีแผนจะเปิดให้บริการสู่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

ADVERTISMENT

ดังนั้น จึงให้ บวท.ศึกษาการให้บริการเครื่องบินทะเล ในรายละเอียดข้อกฎหมาย ระเบียบต่างๆ อาทิ เส้นทางการบิน รวมถึงรูปแบบการดำเนินงานในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยคาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2566 เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและมีกำลังจ่ายสูง (พรีเมียม) รวมถึงช่วยลดความแออัดภายในสนามบิน

เบื้องต้นจะเป็นการให้บริการเส้นทางภายในประเทศ จากเมืองสู่เกาะ และเชื่อว่าธุรกิจบริการเครื่องบินทะเลจะเติบโต และมีความต้องการของนักท่องเที่ยวเพิ่มในอนาคต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมระบุ

ADVERTISMENT

ด้าน ณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท. ให้ข้อมูลว่า กรณีนายสุรพงษ์มอบนโยบายให้ บวท.ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการควบคุมอากาศยานทางทะเล เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว และช่วยลดความแออัดภายในสนามบินหลักของประเทศนั้น ปัจจุบัน บวท.ได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการควบคุมอากาศยานทางทะเล เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ)

รวมทั้งวิเคราะห์กฎหมาย ระเบียบ ประกาศที่เกี่ยวข้อง วางแผนเส้นทาง และประเมินโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัยและความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับข้อมูล และคำแนะนำประกอบการศึกษา โดยจะนำผลการศึกษานำเสนอให้กระทรวงคมนาคม ทราบภายในเดือนธันวาคม 2566 นี้

โดย บวท.มีความพร้อมในการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศ สำหรับอากาศยานทางทะเล ตามที่ผู้ประกอบการภาคเอกชน ประสงค์ที่จะเปิดให้บริการในทุกพื้นที่ทางทะเล โดยจะเป็นการให้บริการจราจรทางอากาศในรูปแบบการปฏิบัติการบินด้วยกฎการบินทัศนวิสัย หรือ Visual Flight Rule (VFR) ซึ่งเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบหลักในการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศของ บวท. ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ห้วงอากาศหลังจากอากาศยานบินขึ้นจากพื้นน้ำ ไปจนกระทั่งก่อนที่อากาศยานจะร่อนลงสู่พื้นน้ำ

อย่างไรก็ตาม สำหรับในบางพื้นที่ห่างไกลในทะเล บวท.ได้ทำการศึกษาวิเคราะห์และตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบเครื่องอำนวยความสะดวกในการเดินอากาศเพิ่มเติมซึ่งประกอบด้วย ระบบการติดต่อสื่อสาร ระบบเครื่องช่วยการเดินอากาศและระบบติดตามอากาศยาน ว่ามีความสามารถและมีประสิทธิภาพในการให้บริการครอบคลุมอย่างเหมาะสม เพียงพอหรือไม่ หรือต้องมีการปรับปรุง แก้ไข เพิ่มเติมทางด้านเทคนิคอย่างไร เพื่อสามารถรองรับการให้บริการอย่างปลอดภัยต่อไปได้

สำหรับการอนุญาตให้ทำการบินอากาศยานทางทะเล สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินของประเทศ กำลังเร่งดำเนินการออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับและข้อกำหนดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานสนามบินน้ำ หรือที่ขึ้น-ลงชั่วคราวทางน้ำ โดยจำเป็นตัองหารือร่วมกับ หน่วยงานอนุญาตภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อการใช้พื้นที่ขึ้น ลงทางน้ำ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ตามข้อกำหนดของกฎหมาย ประกอบด้วย กรมเจ้าท่ากระทรวงคมนาคม กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง กพท.จะได้ร่วมหารือเพื่อออกกฎระเบียบดังกล่าวต่อไป

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท.ระบุเพิ่มเติมว่า ในส่วนของผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ยื่นขอใบรับรองกับทาง กพท. เพื่อให้บริการ Sea plane ในขณะนี้ มี 2 ราย ได้แก่ บริษัท ไทย ซีเพลน จำกัด และบริษัท สยาม ซีเพลน จำกัด ซึ่งทั้ง 2 ราย มีอากาศยาน Sea plane และนักบินที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะพร้อมให้บริการ โดยได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้และกำหนดแผนทางธุรกิจไว้เรียบร้อยแล้ว และมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจเต็มรูปแบบได้ทันที หากได้รับอนุญาตจาก กพท. และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

ปัจจุบันเครื่องบินทางทะเล เป็นเครื่องบินที่สามารถบินขึ้น-ลงในน้ำได้ และยังสามารถขึ้น-ลงจอดบนสนามบินปกติได้อีกด้วย หรือที่เรียกว่าเครื่องบินสะเทินน้ำสะเทินบก ซึ่งได้รับความนิยมมากทั่วโลก โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวทางทะเลและหมู่เกาะ เนื่องจากใช้เวลาการเดินทางน้อยกว่าทางเรือปกติมาก ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเล ที่จะช่วยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตต่อไป

นอกจากเรื่องการพัฒนาซี แพลนแล้ว บวท.ยังมีแผนพัฒนาอื่นๆ ให้สอดคล้องกับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น โดยจากการประเมินปริมาณเที่ยวบินรวมปีงบประมาณ 2566 หรือระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565-30 กันยายน 2566 พบว่ามีจำนวน 7.2 แสนเที่ยวบิน โดยหากดูเฉพาะช่วง ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2566 จะมีรวม 1 ล้านเที่ยวบิน ซึ่งใกล้กับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีเที่ยวบินรวม 1-1.2 ล้านเที่ยวบิน และคาดว่าในปี 2567 เที่ยวบินจะเพิ่มประมาณ 20-30% หรืออยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านเที่ยวบิน ซึ่งเป็นผลจากนโยบายรัฐบาลเรื่องการท่องเที่ยวและนโยบายฟรีวีซ่า ให้ประเทศอินเดียและไต้หวันสามารถเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้ 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 จนถึง 10 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นการทดลองนาน 6 เดือน คาดว่าจะทำให้ชาวอินเดียเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น 9 แสนคน และชาวไต้หวัน 4 แสนคน

อย่างไรก็ดี บวท.ยืนยันว่าพร้อมดำเนินการเพื่อสนับสนุนนโยบาย โดยมุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับของสนามบิน เพื่อบริการประชาชนให้สามารเดินทางได้รวดเร็วและปลอดภัย โดยได้ทำการวิเคราะห์ความสามารถสูงสุดในการรองรับอากาศยานของสนามบินแบบจำลอง Fast-time Simulation และใช้ 3D Simulator ในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศให้สามารถปฏิบัติงานสำหรับทางวิ่งที่มีความหนาแน่นสูงสุด (High Intensity Runway Operation)

จะทำให้ความสามารถในการรองรับของสนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นจาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 และ 104 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เมื่อทางวิ่งเส้นที่ 3 แล้วเสร็จ สนามบินดอนเมือง จาก 50 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 57 เที่ยวบินต่อชั่วโมง สนามบินภูเก็ต จาก 20 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 25 เที่ยวบินต่อชั่วโมง

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท.ทิ้งท้าย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image