จอดป้ายประชาชื่น : ระวังเงินเฟ้อต่ำ ส่อเศรษฐกิจแผ่ว

จอดป้ายประชาชื่น : ระวังเงินเฟ้อต่ำ ส่อเศรษฐกิจแผ่ว

ดูเหมือนเศรษฐกิจไทยจะผ่านยุคข้าวยากหมากแพงไปบ้างแล้ว สะท้อนจากตัวเลขเงินเฟ้อลดลงจนติดลบ      ดูข้อมูลล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์ เผยแพร่ถึงดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพฤศจิกายน 2566 เท่ากับ 107.45 เทียบเดือนเดียวกันปีก่อน ลดลง 0.44% โดยเป็นการลดลงติดต่อเป็นเดือนที่ 2 และดัชนีต่ำสุดในรอบ 33 เดือน อีกทั้งคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 2566 อยู่ในกรอบบวก 1.0-1.7% ซึ่งความเป็นได้สูงอยู่ที่บวก 1.35%

สาเหตุมาจากมาตรการดูแลราคาพลังงานของภาครัฐ รวมถึงกลุ่มอาหารสัตว์ราคาลดลง ขณะที่ราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ

กระทรวงพาณิชย์พยากรณ์ถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปสำหรับปี 2567 คาดการณ์มีโอกาสติดลบ 0.3 และหากบวกก็ไม่เกิน 1.7% โดยค่ากลางอยู่ใน 0.7% ซึ่งคำนวณเผื่อเรื่องการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไว้แล้วว่าจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.2% โดยทิศทางชะลอตัวลงต่อเนื่องจากปี 2566

ถ้าเกิดกรณีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่สามารถดำเนินการได้จริง จะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 อยู่ที่ 0.50% ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในกรอบ 1.0-3.0%

Advertisement

ใช่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อต่ำจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ดัชนีเงินเฟ้อต่ำมาก หรือติดลบต่อเนื่องเดือน 3 เดือน สะท้อนว่าเศรษฐกิจน่าเป็นห่วง!!

เรื่องนี้ พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) เผยว่า ขณะนี้เงินเฟ้อไทยอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังไม่ถึงขั้นกลายเป็นภาวะเงินฝืด เป็นภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปลดต่ำลงเรื่อยๆ ซึ่งสัญญาณนี้สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ โดยเฉพาะผู้บริโภคมีความต้องการซื้อสินค้าและบริการที่ลดลง

อาการที่เห็นเราไม่มีปัญหาเงินเฟ้อที่มาจากฝั่งดีมานด์ แต่มีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อที่มาจากฝั่งซัพพลาย หรือตอนนี้ไม่มีแรงกดดันฝั่งดีมานด์ที่มากระตุ้นให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าไม่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งราคาที่เพิ่มมาจากปัญหาด้านซัพพลาย เช่น ราคาน้ำมันโลกที่ผันผวน ทำให้ราคาต้นทุนแพง

Advertisement

“แนวทางการแก้ปัญหาแม้จะมีโครงการจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตแต่ก็เป็นมาตรการกระตุ้นระยะสั้น ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นแค่ช่วงหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่มีปัญหาจริงๆ คือปัญหาเศรษฐกิจในภาพใหญ่ยังอ่อนแอ ดังนั้นรัฐต้องผลักดันให้เกิดเม็ดเงินเข้าประเทศมากขึ้น” พิพัฒน์กล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image