ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯพุ่งครั้งแรกรอบ 5 เดือน แต่กังวลค่าแรง วอนลดค่าไฟ-ตรึงน้ำมันต่อ
ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานส.อ.ท. เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนพฤศจิกายน 2566 สำรวจผู้ประกอบการ 1,326 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรม ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 90.9 เพิ่มขึ้นจาก 88.4 ในเดือนตุลาคม เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน ทั้งการลดราคาน้ำมันดีเซลและเบนซิน รวมทั้งค่าไฟ นอกจากนี้ยังมีมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกร ช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน ส่งผลให้การบริโภคและการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น สะท้อนจากดัชนีคำสั่งซื้อและยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มสินค้าคงทน อาทิ รถยนต์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ ตู้เย็น และสินค้ากึ่งคงทน อาทิ สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และเครื่องหนัง เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค
อ่าน ‘เศรษฐา’ ไม่สบายใจขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน้อยไป เล็งพูดคุยทบทวนใหม่ ยันเสนอเข้า ครม. ไม่เห็นด้วยแน่
ขณะเดียวกันภาคการส่งออกมีทิศทางดีขึ้น เนื่องจากประเทศคู่ค้าทยอยฟื้นตัว ส่งผลให้ภาคการผลิตเร่งขึ้นเพื่อรองรับคำสั่งซื้อและยอดขายที่เพิ่มขึ้นในเทศกาลช่วงปลายปี อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อรถยนต์ ที่กดดันกำลังซื้อของประชาชน ตลอดจนความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ
“ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ระดับ 97.3 เพิ่มขึ้น จาก 94.5 ในเดือนตุลาคม ปัจจัยสนับสนุนมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ โครงการ อีซี่ อี-รีซีท โครงการฟรีวีซ่า แต่ผู้ประกอบการยังกังวลต่อการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากต้องแบกรับภาระต้นทุนสูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ยังกดดันการฟื้นตัวของภาคการส่งออก ตลอดจนปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบต่างๆ”
นายเกรียงไกร กล่าวว่า ผู้ประกอบการส.อ.ท.ยังมีข้อเสนอรัฐ 3 เรื่องหลัก คือ 1.ขอให้พิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) งวดที่ 1 (มกราคม-เมษายน) ปี 2567 ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงเร่งปรับโครงสร้างราคาค่าไฟฟ้าให้เกิดความเป็นธรรมทั้งผู้ผลิตและผู้ใช้ 2.เสนอให้ภาครัฐพิจารณาขยายเวลามาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 รวมถึงมาตรการลดราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซินลง 2.50 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มกราคม 2567 เพื่อช่วยลดภาระให้แก่ประชาชนและลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ และ3.ขอให้ภาครัฐเข้มงวดการตรวจจับสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพโดยเฉพาะสินค้าออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค รวมทั้งสกัดกั้นการนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ เพื่อไม่ให้สินค้าอุตสาหกรรมตามรอยหมูเถื่อน
