หนี้ครัวเรือนฉุดกำลังซื้อรับสร้างบ้าน ‘กทม.-ปริมณฑล’ ซึมหนัก เบนเข็มเจาะพ่อเลี้ยงภาคเหนือ

หนี้ครัวเรือนฉุดกำลังซื้อรับสร้างบ้าน ‘กทม.-ปริมณฑล’ ซึมหนัก เบนเข็มเจาะพ่อเลี้ยงภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ผลจาภภาวะเศรษฐกิจในปี 2566 ไม่ค่อยดี ประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ทำให้ตลาดรับสร้างบ้านทรงตัว ไม่เติบโต เนื่องจากตลาดบ้านหลังเล็ก ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของธุรกิจรับสร้างบ้าน กำลังซื้อชะลอตัว โดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑลที่ซบเซากว่าต่างจังหวัด แต่ตลาดบ้านไฮเอนด์และหลังใหญ่ ยังมีดีมานด์ต่อเนื่อง จึงทำให้ตลาดรวมไม่หดตัวมากนัก ทำให้ไม่มั่นใจว่าปีนี้มูลค่าตลาดบ้านสร้างเอง(เฉพาะสมาชิกสมาคม) จะเป็นไปตามเป้า 13,250 ล้านบาทหรือไม่

ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในปีหน้าสมาคมจะจัดงานรับสร้างบ้านเร็วขึ้นตั้งแต่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2567 ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2-16 บาท ไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนการสร้างบ้าน เพราะปัจจุบันบริษัทรับสร้างจ่ายค่าแรงอยู่ที่ 450-600 บาท เกินจากค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว นายวรวุฒิ กาญจนกูล กรรมการกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านและประธานบริหารบริษัท ดับบลิวเฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ยังไม่ค่อยดี ทำให้กำลังซื้อกลุ่มบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาทไม่ค่อยดี และมีปัญหาธนาคารไม่ปล่อยกู้สินเชื่อให้ โดยเฉพาะตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่กำลังซื้อชะลอตัวกว่าภาคอื่นๆ ทั้งที่ช่วงไตรมาส4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่น แต่ปีนี้ค่อนข้างเงียบ คาดเป็นผลจากเศรษฐกิจไม่ดีที่กระทบต่อภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ทำให้ลูกค้าระมัดระวังการใช้เงินและชะลอการสร้างบ้านออกไปก่อน

“จากกำลังซื้อที่ชะลอตัว ทำให้ปีนี้ผลประกอบการบริษัทจะอยู่ที่ 200 กว่าล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท ประมาณ 20-25% ส่วนปี 2567 จะปรับแผนหันไปเจาะตลาดบ้านหลังใหญ่ ขนาดพื้นที่ 700-1,000 ตารางเมตร ราคามากกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป จากเดิมจับตลาดไม่เกิน 30 ล้านบาท เพราะมองว่าตลาดไฮเอนด์ยังเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ อีกทั้งขยายตลาดไปสู่พื้นที่ใหม่ในเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ชะอำ หัวหิน ขณะนี้มีลูกค้าเป็นนักธุรกิจส่งออกจากเชียงใหม่ติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว” นายวรวุฒิกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image