คมนาคม เร่งเดินหน้าทางคู่สายใต้ ระยะ 2 ยันช่วงนครปฐม-ชุมพร เปิดครบปี’67 ลุยแลนด์บริดจ์

คมนาคม เร่งเดินหน้าทางคู่สายใต้ ระยะ 2 รวม 3 โครงการ ยันช่วงนครปฐม-ชุมพร เปิดครบปี’67 ลุยแลนด์บริดจ์

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจความพร้อมเปิดเดินรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และชุมพร ว่าการลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการตรวจความพร้อมเปิดเดินรถไฟทางคู่ สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ตามนโยบาย Quick Win ของรัฐบาลเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน และการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงทุกภูมิภาค ซึ่งในวันนี้ได้เปิดใช้ทางคู่ในช่วงแรกระหว่างสถานีบ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จังหวัดชุมพร รวมระยะทาง 348 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการเดินทาง โดยตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ปรับเวลาเดินรถสายใต้ ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารใช้เวลาในการเดินทางน้อยลง และถึงจุดหมายปลายทางเร็วขึ้น ประมาณ 1.30 ชั่วโมง เป็นการอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนรวมทั้งการขนส่งสินค้า

ทั้งนี้ ยังสามารถรองรับขบวนรถได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟ-รถยนต์ โดยยกเลิกทางข้ามเสมอระดับทางรถไฟ และเปิดใช้สะพานกลับรถ สะพานข้ามทางรถไฟ สำหรับในระยะต่อไป จะเปิดเดินรถทางคู่ช่วงสถานีนครปฐม-สถานีบ้านคูบัว ระยะทาง 57 กิโลเมตร และช่วงสถานีสะพลี-สถานีชุมพร ระยะทาง 15 กิโลเมตร ภายในเดือนเมษายน 2567

นอกจากนี้ ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการสำคัญ ดังนี้ โครงการรถไฟทางคู่สายใต้ ระยะที่ 2 จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร 2.ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และ 3.ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร ทั้งนี้ ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการ ออกแบบรายละเอียด และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ความเห็นชอบรายงานอีไอเอเรียบร้อยแล้ว

Advertisement

ปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างเตรียมการเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรี โดยจะเสนอขออนุมัติช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ เป็นลำดับแรก ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งทางราง ให้เป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ ที่มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ

นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า การดำเนินการและแผนการเชื่อมต่อกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) โดยมีการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าเพื่อเชื่อมโยงท่าเรือทั้งสองแห่งด้วยทางรถไฟและทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เพื่อให้สอดคล้องตามแผนบูรณาการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเชื่อมต่อแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ สำหรับโครงการก่อสร้างทางรถไฟช่วงชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนอง อยู่ระหว่างศึกษาโครงการและผลกระทบสิ่งแวดล้อม

โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่บริเวณแหลมริ่ว ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน ผ่าน อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร และมีจุดสิ้นสุดที่บริเวณแหลมอ่าวอ่าง ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงฐานการผลิตในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กับประตูการค้าภาคใต้ เพื่อส่งต่อสินค้าไปยังกลุ่มประเทศ ตะวันออกกลาง ยุโรป

Advertisement

นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า การพัฒนาทางรถไฟเชื่อมนิคมอุตสาหกรรม โดยการก่อสร้างย่านสถานีบริเวณจุดเชื่อมต่อประแจและทางแยกสถานีนาผักขวง โครงการ SSI’s Distribution Hub (ด้านเหนือ) และโครงการ SSI’s Logistic Terminal (ด้านใต้) ประเภททางเดี่ยว ระยะทาง 2.138 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงระบบการขนส่งทางรางสู่อุตสาหกรรมเหล็ก และท่าเรือน้ำลึก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้า และช่วยลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า ทั้งอุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมอื่นๆ และช่วยลดปัญหาการจราจรการขนส่งทางบกในพื้นที่ โดยเป็นหนึ่งในแผนงานการพัฒนาทางรถไฟเชื่อมต่อนิคมอุตสาหกรรม ระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2566-2570)

นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า ซึ่งกรมการขนส่งทางรางได้ดำเนินโครงการศึกษาความเป็นไปได้และจัดทำแผนการพัฒนาโครงข่ายรถไฟ ให้ครอบคลุม และเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศและรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ (อาร์ แมป) ปัจจุบันการพัฒนาทางรถไฟเชื่อมนิคมเขตอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างเอกชนพิจารณาศึกษาความเหมาะสมก่อนดำเนินการต่อไป

นายสุรพงษ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมเร่งพัฒนาโครงการก่อสร้างรถไฟทุกโครงการให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการทันตามแผนที่กำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชน ตลอดจนช่วยลดต้นทุนการขนส่งเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ รวมทั้งกระจายการเติบโตทางเศรษฐกิจไปยังภูมิภาคตามยุทธศาสตร์ชาติของประเทศ สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางของภูมิภาคอาเซียน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image