กรอ. สั่งปิดโรงงาน เอกอุทัย จ.อยุธยา เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการทันที
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม(กรอ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (อสจ.พระนครศรีอยุธยา) เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และตำรวจท้องที่อำเภออุทัย ลงพื้นที่โรงงานของ บริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขาอุทัย) ณ ตำบลสามบัณฑิต อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดประกาศคำสั่งปิดโรงงานบริษัทฯ อันมีผลเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานทันที
โดยบริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขาอุทัย) ได้รับใบอนุญาตลำดับที่ 105 และ 106 ประกอบกิจการทำเชื้อเพลิงทดแทน ทำเชื้อเพลิงผสม ซ่อมและล้างบรรจุภัณฑ์ด้วยตัวทำละลาย นำน้ำมันหล่อเย็นที่ใช้แล้วมาผ่านกระบวนการกรองเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ คัดแยกสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย นำสารละลายกรด-ด่าง ที่ใช้แล้วมาผ่านกรรมวิธีทางอุตสาหกรรมเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ซึ่งเมื่อเดือนกันยายน 2566 พนักงานเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบติดตามการปฏิบัติตามคำสั่งที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้สั่งการโรงงานให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535
ผลการตรวจสอบปรากฏว่า โรงงานยังคงมีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง อีกทั้งตรวจพบการกระทำความผิดเพิ่มเติมอย่างอุกอาจเกี่ยวกับ การลักลอบเททิ้งกากอุตสาหกรรม ทั้งภายในและภายนอกบริเวณโรงงาน กรอ. จึงใช้อำนาจตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ออกคำสั่งให้โรงงานหยุดการประกอบกิจการทั้งหมด จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งขณะที่พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าปิดประกาศคำสั่งตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง ข้างต้น กลับตรวจพบการกระทำที่อุกอาจและเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงซ้ำขึ้นอีก พนักงานเจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจในการยึดอายัดภาชนะบรรจุ สิ่งของต่างๆ และยานพาหนะทั้งหมดของโรงงานทั้งหมด เพื่อป้องกันมิให้มีการเคลื่อนย้ายและทำลายหลักฐานตามที่ตรวจพบอีก
ต่อมา กรอ. อสจ.พระนครศรีอยุธยา บก.ปทส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้อาศัยหมายค้นจากศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบติดตามคำสั่งมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 พบว่า โรงงานไม่มีการปรับปรุงแก้ไขแต่อย่างใด กรอ. จึงใช้อำนาจตามมาตรา 39 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ออกคำสั่งให้ ปิดโรงงาน บริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขาอุทัย) อันมีผลเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งนี้ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ภายใน 30 วัน หลังจากรับทราบคำสั่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้โรงงานดังกล่าวจะถูกคำสั่งปิดโรงงานแล้วก็ตาม อีกทั้งบริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนรายชื่อกรรมการบริษัทชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 แต่กรรมการบริษัทฯ ชุดเดิมและชุดใหม่ ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้อง ยังคงต้องรับผิดชอบในการบำบัดกำจัดของเสียทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดย กรอ. จะใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ในการสั่งการควบคุมกำกับดูแล เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามไปสร้างความเสียหายต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อื่นต่อไป