รับปีใหม่ ‘ธรรมนัส’ สั่งเพิ่มวันทำประมง เป้า 9 วัน นำเรือ 1,200 ลำเข้าระบบ สร้างเม็ดเงินศก.กว่าพันล้าน
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า หลังการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาประมงทะเล ครั้งที่ 2/2566 โดยมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบให้เพิ่มวันทำการประมงให้กับเรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากจำนวนวันทำการประมงไม่เพียงพอ จำนวน 1,200 ลำ ดังนี้
1. ฝั่งอ่าวไทย
- กลุ่มเครื่องมือทำการประมงสัตว์น้ำหน้าดิน จัดสรรวันทำการประมงเพิ่ม จำนวน 50 วัน
- กลุ่มเครื่องมือทำการประมงปลาผิวน้ำ จัดสรรวันทำการประมงเพิ่ม จำนวน 50 วัน
- กลุ่มเครื่องมือทำการประมงปลากะตัก จัดสรรวันทำการประมงเพิ่ม จำนวน 30 วัน
2. ฝั่งทะเลอันดามัน
- กลุ่มเครื่องมือทำการประมงสัตว์น้ำหน้าดิน จัดสรรวันทำการประมงเพิ่ม จำนวน 20 วัน
- กลุ่มเครื่องมือทำการประมงปลาผิวน้ำ จัดสรรวันทำการประมงเพิ่ม จำนวน 30 วัน
- กลุ่มเครื่องมือทำการประมงปลากะตัก จัดสรรวันทำการประมงเพิ่ม จำนวน 50 วัน
(โดยการจัดสรรวันทำการประมงเพิ่มเติมสำหรับเรือประมงแต่ละลำขึ้นอยู่กับจำนวนวันทำการประมงที่เหลืออยู่ของเรือประมงลำนั้น)
นายบัญชา กล่าวว่า บัดนี้ กรมประมงดำเนินการเพิ่มวันทำการประมงให้กับเรือประมงทั้ง 1,200 ลำดังกล่าวผ่านระบบการออกใบอนุญาตทำการประมง (E- License) ของเรือแต่ละลำจนเสร็จเรียบร้อย เมื่อเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ซึ่งระบบจะลิงก์ข้อมูลวันทำการประมงที่ได้รับการจัดสรรเพิ่มเติมกับระบบการแจ้งเข้าแจ้งออกเรือประมง (FI) ทำให้ชาวประมงที่วันทำการประมงไม่เพียงพอสามารถออกไปทำการประมงได้ทันที ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2567 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการประมงปีนี้ แล้วจะมีการจัดสรรวันการประมงรอบใหม่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง และนำทรัพยากรสัตว์น้ำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เพราะสามารถสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศได้กว่า 1,000 ล้านบาท
นายบัญชา กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ การจัดสรรการเพิ่มวันทำการประมงในครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้หลักและข้อมูลทางวิชาการ รวมทั้งได้มีการหารือร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งพี่น้องชาวประมง นักวิชาการภาคการศึกษา ฯลฯ โดยกรมประมง มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ จริงใจในการดำเนินการแก้ไขปัญหาภาคการประมงไทย และไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของทรัพยากรประมงควบคู่ไปกับวิถีความเป็นอยู่และอาชีพของพี่น้องชาวประมงที่มั่นคง ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ ตามนโยบายของร.อ.ธรรมนัส
ท้ายนี้ ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมงที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐมาโดยตลอด และมองเห็นถึงความสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำเพื่อให้เกิดความยั่งยืน