กมธ.วุฒิสภา จ่อสอบข้อเท็จจริง-ปธ.กสทช. ยอมรับยังทำงานเสริมที่รพ.เข้าข่ายต้องห้าม
สืบเนื่องจากการแถลงข่าวนโยบายของประธาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือประธาน กสทช. และสำนักงาน กสทช.ปี 2567 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับการรับงานรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลอยู่หรือไม่ ซึ่งอาจเข้าข่ายคุณลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ตามมาตรา 8 พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 โดย นพ.สรณได้ยอมรับกับสื่อมวลชนว่าทำงานที่โรงพยาบาลจริง ควบคู่กับตำแหน่งประธาน กสทช.
“เรื่องของผมที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ที่ว่าผมยังไม่ได้ทำงานเต็มเวลาของ กสทช. ผมยังเป็นหมอ ผมยังเป็นอาจารย์อยู่ อันนี้เป็นเรื่องที่ผมทำอยู่ ผมยังออกตรวจคนไข้ทุกวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการแล้วเป็นคนไข้เก่า ซึ่งผมมีความสัมพันธ์มา 20 ถึง 30 ปีแล้ว เราทิ้งเขาไม่ได้ แล้วเขาใจที่จะมาหาเรา แล้วเราก็ดีใจที่เราเป็นประโยชน์กับเขานะครับ ผมยังเป็นอาจารย์อยู่ ผมยังไปสอนที่รามาธิบดีอยู่เป็นประจำ วันจันทร์ห้าโมงเย็น หลังจากนี้ไป ผมก็ไป” นพ.สรณแถลง
ทั้งนี้ จากถ้อยคำแถลงข่าวดังกล่าวตีความได้ว่า นพ.สรณยังคงทำหน้าที่เป็นแพทย์ควบคู่กับประธาน กสทช.มาโดยตลอด
ซึ่งตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มาตรา 8 ระบุว่า
1.ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่ง หรือเงินเดือนประจำ
2.ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่นและไม่เป็นกรรมการ หรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจ หรือราชการ
3.ไม่ประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพอิสระอื่นใดที่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือมีผลประโยชน์ขัดแย้ง ไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการ
ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นที่จับตามองว่า การที่ประธาน กสทช.ยังรับงานเสริมที่โรงพยาบาลนั้นเข้าข่ายผิด มาตรา 8 หรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ตามมาตรา 20 ข้อ (5)
โดยก่อนหน้านี้ ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. เคยทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สทช. 2300/33940 ลงวันที่ 28 ก.ย.2566 ถึงประธานวุฒิสภา โดยขอให้วุฒิสภาดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของประธาน กสทช. ในประเด็นที่ยังคงรักษาคนไข้อยู่และยังได้ปรากฏหลักฐานการรับนัดและรักษาคนไข้ที่ชั้น 3 อาคาร A สถาบันหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลพระราม 9 เป็นการกระทำที่เข้าข่ายขัดต่อกฎหมาย ส่งผลให้เสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ขององค์กร และอาจกระทบต่อทัศนคติตลอดจนอยู่ในความเคลือบแคลงสงสัยของสาธารณะ รวมทั้งคนในองค์กรที่มีต่อกรรมการ กสทช.ว่าไม่ได้ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเต็มที่เต็มเวลา
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและการโทรคมนาคม วุฒิสภา ได้รับเรื่องไว้พิจารณาและส่งต่อไปถึงสำนักกฎหมาย รวบรวมข้อมูลเพื่อหาข้อเท็จจริง โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินการภายใน 60 วัน