ปธ.ทอท. มุ่งดัน ท่าอากาศยานไทย ไต่จากอันดับ 77 ติดท็อป 50 ที่ดีที่สุดของโลก

ปธ.ทอท. มุ่งดัน ท่าอากาศยานไทย ไต่จากอันดับ 77 ติดท็อป 50 ที่ดีที่สุดของโลก

เมื่อวันที่ 17 มกราคม พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า หลังเข้ารับตำแหน่ง ตั้งเป้าหมายผลักดันการให้บริการสนามบินของ ทอท. ติด 1 ใน 50 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดของโลกใน 2 ปีนับจากนี้ ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 77 เป็นหนึ่งในแผนของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาคสู่ประตูการบินของโลก

ปัจจัยหลักที่นำไปสู่ความสำเร็จได้แก่ 1.ให้คุณค่ากับกำลังคน ทุกระดับ ทุกฝ่าย 2.สร้างความมั่นใจทางธุรกิจ เพื่อความมั่นคงในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 3.ความโปร่งใสตรวจสอบได้ คือ หัวใจสำคัญ 4.สร้างการยอมรับ (Trust) จากสังคม ประชาชน ผู้ใช้บริการทุกส่วน ในอุตสาหกรรมการบิน และ 5.บูรณาการการทำงานทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการบินในรูป Home Team เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จร่วมกัน

“ผมมีแผนทำ Strategic workshops นำโดยผู้บริหาร ทอท. คู่ค้า เพื่อวางกลยุทธ์ให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ และปรึกษาหารือร่วมกันในการจะขับเคลื่อนสนามบินสุวรรณภูมิสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เริ่มจากเรื่องที่สามารถผลักดันได้เลยอย่าง การพัฒนาห้องน้ำสะอาด และเพิ่มความสะดวกสบายภายในสนามบิน เป็นต้น นอกจากนี้ เราต้องมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เหนือสิ่งอื่นใด คือความไว้ใจของสังคม อย่างผมมาจากตำรวจ ความไว้ใจสำคัญที่สุด เพราะถ้าไม่ไว้ใจก็ไม่ได้งาน ดังนั้น ต้องทำให้ต้องเกิดการเชื่อใจกันก่อน จึงจะไปสู่เป้าหมายที่หวังไว้ได้ต่อไป” พล.ต.อ.วิสนุ กล่าว

ADVERTISMENT

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ปัจจุบันเรากำลังทำโครงการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) เส้นที่ 3 คาดว่าจะเปิดใช้ทางวิ่งในวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เพิ่มศักยภาพให้สนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้นจาก 64 เที่ยวบินต่อชั่วโมงเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รวมถึงการเปิดใช้อาคารสะพานเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ (SAT-1) แล้ว และการขยายอาคารผู้โดยสาร และการต่อขยายอาคารผู้โดยสาร ทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนของการบินภายในประเทศ ผู้โดยสารที่เข้ามาในส่วนนี้ สามารถออกได้เลยโดยไม่ต้องกลับไปที่เทอร์มินอลหลัก อีกทั้งยังมีแผนการพัฒนาโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกของอาคารผู้โดยสาร (East Expansion) อีกด้วย

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า ยังมีแผนเพิ่มการติดตั้งระบบช่องทางตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automatic channel) ให้ได้มากที่สุด คาดว่าจะติดตั้งแล้วแล้วเสร็จไม่เกิน 6 เดือน ทอท. ยังประสานงานใกล้ชิดกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่ยังคงประสิทธิภาพและความมั่นคงในทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางใช้เวลาน้อยที่สุด หรือใช้เวลาไม่เกิน 20-30 นาที และในอนาคตอันใกล้นี้ ทอท. จะนำระบบไบโอเมตริกซ์ (Biometrics) หรือใช้อัตลักษณ์เฉพาะบุคคลสแกนเข้า-ออกได้เลย เพื่อลดขั้นตอนดังกล่าวลง และลดปัญหาคอขวดในสนามบินได้ต่อไป

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image