พีระพันธุ์ เคาะต่ออายุลดเบนซินสัปดาห์นี้ ลุ้นลดเท่าเดิม 2.50 บาท

พีระพันธุ์ เคาะต่ออายุลดเบนซิน สัปดาห์นี้ ลุ้นลดเท่าเดิม 2.50 บาท

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงมาตรการดูแลราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน ที่จะหมดอายุมาตรการลดราคาสูงสุดสำหรับแก๊สโซฮอล์ 91 อัตรา 2.50 บาทต่อลิตร วันที่ 31 มกราคมนี้ (7 พฤศจิกายน 2566-31 มกราคม 2567) ว่ากระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ต้องยอมรับว่าราคาน้ำมันเบนซินขณะนี้มีราคาต่ำลงกว่าช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่กระทรวงพลังงานนำเสนอมาตรการเข้าดูแลกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ดังนั้น จึงต้องขอดูก่อนว่าจะพิจารณาลดราคาต่อไปหรือไม่ ยืนยันว่ากระทรวงพลังงานจะดูแลราคาพลังงานไม่ให้สูงเกินและเป็นภาระต่อประชาชนแน่นอน โดยจะต้องดูฐานะการคลังและฐานะทางการเงินของกองทุนน้ำมันฯร่วมด้วย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในกรอบขีดความสามารถของกองทุนน้ำมันฯ

รายงานข่าวแจ้งว่า มาตรการลดราคากลุ่มน้ำมันเบนซิน ปัจจุบันใช้กลไกลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร จากกระทรวงการคลัง ร่วมกับเงินอุดหนุนจากสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ทำให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลงสูงสุด 2.50 บาทต่อลิตร ประกอบด้วย ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตร ราคาน้ำมันเบนซิน 95 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 1 บาทต่อลิตร ขณะที่ อี20 และ อี85 ลดลง 80 สตางค์ต่อลิตร

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ นายพีระพันธุ์จะมีการหารือถึงแนวโน้มราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินว่าจะมีการสนับสนุนราคาอย่างไร แนวโน้มคงไม่มีการอุดหนุนด้านการลดภาษีสรรพสามิตจากกระทรวงการคลังแล้ว ดังนั้น จะเป็นหน้าที่ของกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาดูแลเป็นหลัก โดยนโยบายของนายพีระพันธุ์ ต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น หากกระทรวงการคลังไม่ร่วมมาตรการลดภาษีน้ำมัน ราคาจะปรับขึ้นทันที 1 บาทต่อลิตร กระทบต่อผู้ใช้น้ำมันทันที กระทรวงพลังงานจะใช้กองทุนน้ำมันฯเข้าอุดหนุนมากขึ้น และอาจขึ้นกลุ่มเบนซิน 50-80 สตางค์ต่อลิตรแทน เพื่อลดภาระประชาชน ไม่ขึ้นทันที 1 บาท

ADVERTISMENT

แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุที่คาดว่ากระทรวงการคลังจะไม่ร่วมลดภาษีเบนซินในครั้งนี้ เพราะเพิ่งลดการช่วยเหลือดีเซลจาก 2.50 บาทต่อลิตร เป็น 1 บาทต่อลิตร จึงไม่น่าช่วยเบนซินเท่าเดิม โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯใช้เงินเข้าอุดหนุนกลุ่มดีเซลระดับ 3-4 บาทต่อลิตร ส่วนเบนซินยังถือว่ามีเงินเข้าบัญชีอยู่บ้าง สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันฯวันที่ 21 มกราคม 2566 ติดลบ 83,020 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 36,594 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม ติดลบ 46,426 ล้านบาท ส่วนเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินมีการเบิกเข้าบัญชีแล้วที่ 75,000 ล้านบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image