ประเสริฐ ปลุกเทคโนโลยีดิจิทัล ดันเครื่องยนต์เบอร์ 5 จีดีพีไทยโต 5%

ประเสริฐ ปลุกเทคโนโลยีดิจิทัล ดันเครื่องยนต์เบอร์ 5 จีดีพีไทยโต 5%

เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา “Thailand 2024 : The Great Challenges เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส” โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวบนเวทีสัมมนาหัวข้อ ‘จับสัญญาณบวกส่งออก ปลุกเศรษฐดิจิทัลไทยในตลาดโลก’

นายประเสริฐกล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่ท้าทายในอนาคตอย่างยิ่ง หากมองเศรษฐกิจธรรมดาจะโตได้อย่างเก่ง จากการคาดการณ์ 2.5-3% หรืออย่างสูงไม่เกิน 5% แต่เศรษฐกิจดิจิทัลจะสามารถขยายตัวให้เศรษฐกิจโตขึ้นไม่น้อยกว่า 5% และอาจจะก้าวไปถึง 30%

จากภาพรวมที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุถึงการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และขยายโอกาส ซึ่งรัฐบาให้ความสำคัญกับกระทรวงดีอีเอส และในฐานะที่เป็น รมว.ดีอีเอส มีความเชื่อมั่นว่ากระทรวงจะเป็นกระทรวงที่เปลี่ยนแปลงประเทศ หากนับจากอดีตเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ช่วงวิกฤตโควิดประชาชนได้รับความลำบากจากเศรษฐกิจหยุดชะงัก แต่สิ่งที่ทำให้เคลื่อนไหวได้คือเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น มีการประชุมผ่านซูม การโอนเงินออนไลน์ ซึ่งเศรษฐกิจดิจิทัลช่วยให้หลายคนผ่านวิกฤตไปได้

Advertisement

นายประเสริฐกล่าวว่า และวันนี้เศรษฐกิจดิจิทัลสามารถทำความเจริญให้กับประเทศได้ไม่น้อยกว่า 15% และก้าวกระโดดไปถึง 30% ได้ ดังนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลนี้ให้ความตั้งใจเพื่อมุ่งไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจากท่านนายกยกกล่าวถึงเรื่องการลดขั้นตอนยุ่งยากให้ธุรกิจที่ไม่ว่าจะนักลงทุนไทย และนักลงทุนต่างประเทศมาลงทุนในประเทศง่ายขึ้น โดยจะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย หรือเรียกว่าวันสต็อปเซอร์วิส เพื่อลดขั้นตอนต่างๆ

กระทรวงได้เห็นความสำคัญ และแปลงเป็นนโยบายเครื่องยนต์เครื่องที่ 5 ของประเทศที่เป็นเครื่องยนต์ดิจิทัล เราใช้การทำนโยบายที่เรียกว่า The Growth Engine of Thailand คือเครื่องยนต์เครื่องใหม่ของประเทศไทย จากอดีตที่ไทยมี 4 เครื่องยนต์ คือ การบริโภค การลงทุน การส่งออก และการท่องเที่ยว ซึ่งวันนี้เรื่องดิจิทัลเข้ามาแรงซัพพอร์ตทุกกระทรวง และจะเป็นกระทรวงที่เปลี่ยนแปลงประเทศ

ดังนั้น หลักการสำคัญของทิศทางดิจิทัล 1.ต้องเปลี่ยนจากการบริหารปัจจุบันก้าวไปสู่รัฐบาลดิจิทัล เพื่อสร้างศักยภาพให้ประเทศ 2.เรื่องการลดช่องว่างให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลของรัฐบาลได้ และ 3.ต้องสร้างคนให้สามารถทันกับการเปลี่ยนแปลงจะเกิดในอนาคตได้

Advertisement

นายประเสริฐกล่าวว่า ด้วยคอนเซ็ปต์ The Growth Engine of Thailand ภายใต้แผนดังกล่าวจะมี 3 เครื่องยนต์สำคัญ คือ 1.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างข้อได้เปรียบของประเทศโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งหมายถึงการวางโครงสร้างดิจิทัล ด้านซอฟต์แวร์อินฟราสทรัคเจอร์ (โครงสร้างพื้นฐาน) ขณะนี้รัฐบาลมีโครงการเรื่องคลาวด์เฟิร์สโพลิซี ที่ผ่านมา กระทรวงต่างๆ มีคลาวด์เก็บข้อมูลแต่ละกระทรวงที่อาจกระจัดกระจายตามที่ต่างๆ แต่ถ้าเอาคลาวด์เหล่านั้นมารวมไว้ที่เดียวจะเป็นการลดความซ้ำซ้อนและลดค่าใช้จ่ายภาครัฐลง

“ผมได้คำนวณคร่าวๆ คลาวด์ที่กระจัดกระจายในกรม กอง หรือกระทรวงต่างๆ มีไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าถ้าเอาคลาวด์เหล่านั้นมารรวมกันในคลาวด์แบงก์ อาจจะอยู่ที่ DGA หรือสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือที่กระทรวงดีอีเอสก็แล้วแต่จะมีการลดรายจ่ายไม่น้อยกว่า 30%” นายประเสริฐกล่าว

นายประเสริฐกล่าวว่า 2.เรื่องเซฟตี้และซีเคียวริตี้ วันนี้นักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศ ถ้าไม่มีความมั่นคงเรื่องข้อมูลเขาไม่กล้ามา เรามีกฎหมาย PDPA (กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) แพลตฟอร์มเรื่องการลงทุน การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและคนไทยด้วยกันว่าข้อมูลมีความมั่นคงและปลอดภัยก็จะกล้ามาลงทุนในประเทศ

วันนี้ปัญหาหนึ่งของประชาชนเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นปัญหาอย่างยิ่งเรื่องความมั่นคง ดังนั้น กระทรวงมีศูนย์ AOC หรือศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (สายด่วน 1441) ประชาชนโทรมาสายเดียวปิดบัญชีม้า ซิมม้าภายใน 15 นาที ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวงให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงและปลอดภัยของข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญ

3.การพัฒนาคนด้านดิจิทัล (แมนเพาเวอร์) วันนี้ในภาครัฐบุคลากรด้านดิจิทัลมี 0.5% ไม่เพียงพอ หลังจากที่ได้พูดคุยกับบริษัทชั้นนำของโลก เช่น กูเกิล หัวเหว่ย ไมโครซอฟต์ หรือบริษัทต่างๆ เพื่อมาพัฒนาการเสริมสร้างทักษะความรู้ให้กับเยาวชนคนไทย นักศึกษา และพี่น้องประชาชน

นายประเสริฐกล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลเอามาใช้อะไรได้บ้าง ที่ผ่านมา กระทรวงดีอีเอส มีโครงการชุมชนโดรนใจ ไม่ใช่โดนใจถูกใจ แต่โดรนคือเครื่องมืออุปกรณ์โดรนที่บินขึ้นไปแล้วพ่นยาฆ่าแมลงลงมา พ่นน้ำให้น้ำแก่พืช หว่านปุ๋ย จากเดิมเกษตรกรใช้เวลา 1 ไร่ ร่วม 20 นาทีในการพ่นยาฆ่าแมลง แต่โดรนใช้ไม่ถึง 5 นาทีต่อ 1 ไร่ และสามารถทำโปรแกรมได้ ไม่ว่าที่ดินท่านจะเป็นรูปร่างอย่างไร โดรนสามารถเขียนโปรแกรมได้และจำกัดเฉพาะพื้นที่ทำการเกษตรของท่านได้ และที่สำคัญลดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงให้ความสำคัญ

ขณะที่เรื่อง Health Link (เชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลทุกสังกัด) ที่ดีอีเอสทำร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ใช้เทคโนโลยี 5G ที่ดำเนินการโดยบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (เอ็นที) สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงทีและให้สิทธิประชาชนเข้ารับบริการที่ไหนก็ได้ ดังนั้น วันนี้ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยี 5G ของประเทศไทยมีความเสถียรและดีกว่าหลายๆ ประเทศ

เรื่องการท่องเที่ยว เรามีหน่วยงานที่เรียกว่าบิ๊กดาต้า ซึ่งบิ๊กดาต้านี้จะเก็บข้อมูลทั้งหมด เรื่องของ Travel Link ไปเก็บข้อมูลที่ภูเก็ต นครราชสีมา และเชียงใหม่ เพื่อดูพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อมาใช้เงินในประเทศเท่าไหร่ ใช้วิถีชีวิตอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้จะถูกรวบรวมและใช้เอไอ (ปัญญาประดิษฐ์) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมบุคคลเหล่านั้น เพื่อให้ผู้บริหารประเทศนั้นตัดสินใจ

“เรื่องของดิจิทัลเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน มีส่วนอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจอย่างยิ่งครับ” นายประเสริฐกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image