KKP ชี้นักลงทุนห่วงเศรษฐกิจไทยโตช้า ลุ้นแลนด์บริจด์คุ้มทุน ไม่เพิ่มภาระให้รัฐบาล

KKP ชี้นักลงทุนห่วงเศรษฐกิจไทยโตช้า ลุ้นแลนด์บริจด์คุ้มทุน ไม่เพิ่มภาระให้รัฐบาล

วันที่ 29 มกราคม นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงโครงการแลนด์บริจด์ ว่า ประเด็นสำคัญนักลงทุนหลายคนห่วงเรื่องแนวโน้มการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย รวมถึงมีการตั้งคำถามว่าเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพ หรือศักยภาพกำลังแผ่วลง

ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาว่าจะต้องทำอะไร เพื่อยกระดับศักยภาพให้เพิ่มขึ้น ซึ่งนโยบายที่มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้างเป็นประเด็นที่ต้องกลับมาคุยกัน เพราะถ้ายังไม่ทำอะไรแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำลงเรื่อยๆ และผลกระทบจากที่เศรษฐกิจขยายตัวช้าลงเริ่มไปกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของตลาดหุ้น และเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นไทยไม่ขยับไปไหน เนื่องจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนเริ่มได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่โตช้าลง

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า แลนด์บริจด์เป็นหนึ่งในโครงการของรัฐบาล ถ้าพิสูจน์แล้วมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ คุ้มค่าทางการเงิน มีนักลงทุนมาลงทุน และไม่เป็นภาระของรัฐบาลมากเกินไป ก็อาจเป็นคำตอบหนึ่ง แต่แลนด์บริจด์ไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ความสนใจการลงทุนในโครงการหรือไม่ คงต้องไปดูการศึกษาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) ที่จะมีข้อมูลทางออก ทางเลือกที่นักลงทุนนำไปศึกษาได้

ADVERTISMENT

“ความจำเป็นที่ต้องสร้างความตระหนัก หากไม่ทำอะไรเลย เศรษฐกิจไทยจะแผ่วลงเรื่องๆ เช่น โอกาสทางเศรษฐกิจ สังคม ความเหลื่อมล้ำ ปัญหาหนี้ จะตามมา ดังนั้น จึงมีความสำคัญว่าจะแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ด้วยการปฏิรูปต่างๆ ต้องทำอะไร เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาโตกว่าเดิม”นายพิพัฒน์กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 จะฟื้นตัวกลับมาได้ดีขึ้นจากฐานที่ค่อนข้างต่ำ และฟื้นตัวกลับมาช้ามาก ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด ขณะนี้ยังไม่กลับมาฟื้นตัวได้ก่อนเกิดโควิด ดังนั้น ปีนี้การฟื้นตัวยังช้าต่อเนื่อง และอาจจะเห็นตัวเลขจีดีพีใกล้ๆ 3% เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจไทยโตช้าลงจากโครงสร้างประชากรวัยทำงานที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปัจจุบันอยู่ประมาณ 3% หรือต่ำกว่านั้น เพราะข้อมูลค่าเฉลี่ยการขยายตัวเศรษฐกิจหลังปี 2561 ถึงปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤตโควิด เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.2% และช่วงนี้มีแนวโน้มโตช้าลง

ADVERTISMENT

ขณะเดียวกัน การขยายตัวเศรษฐกิจไทยปี 2567 ได้รับแรงผลักดันมาจากการท่องเที่ยวฟื้นขึ้น และการส่งออกปี 2566 จากติดลบจะกลับมาบวกได้ แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการใช้จ่ายภายในประเทศ เพราะมีสัญญาณแผ่วลง รวมถึงการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เป็นประเด็นสำคัญ

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า หากพิจารณาดูแล้วแรงผลักดันเศรษฐกิจมาจากข้างนอก เครื่องมืออื่นๆ นอกเหนือจากการท่องเที่ยวดับหรือแผ่วก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล และปีที่ผ่านมา การส่งออก การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมติดลบต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน การขยายตัวในเซ็กเตอร์ที่ยังต้องติดตาม

”เศรษฐกิจไทยจะไปไกลกว่าเดิมต้องสร้างความรับรู้ร่วมกันของคนในประเทศว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และการปฏิรูปเชิงโครงสร้างต้องทำให้เกิดขึ้น รวมถึงมีกระบวนการที่ทำให้เกิดขึ้น ที่ต้องทำอย่างไรให้คุณภาพแรงงาน การศึกษา ผลิตภาพดีขึ้น การลงทุนเพิ่ม ลดการผูกขาดกินรวบที่ต้องทำให้เกิดขึ้น และถูกถกเถียงในฝั่งการเมือง โดยที่ประชาชนมีส่วนร่วม“นายพิพัฒน์ กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image