‘จุลพันธ์’ เผย รอหนังสือป.ป.ช. ปมเงินดิจิทัล หวั่นเริ่มไม่ทันพ.ค. ลั่น รบ.มีอำนาจชี้ศก.วิกฤตหรือไม่

‘จุลพันธ์’ เผย รอหนังสือ ป.ป.ช. ปมเงินดิจิทัล หวั่นเริ่มไม่ทัน พ.ค. ยันเดินหน้าแจกเงินตามกรอบเดิม ระบุ ศก.ไทยถดถอยจากภาวะหนี้ครัวเรือนสูง ลั่น รบ.มีอำนาจชี้วิกฤตหรือไม่

เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ขณะนี้ในส่วนของคณะทำงาน มีการพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ โดยที่ยังไม่ได้ประชุมคณะกรรมการนโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน โดยการพูดคุยที่ไม่เป็นทางการนั้น เป็นการเตรียมการรับมือและตอบคำถาม หนังสือของคณะกรรมการเพื่อศึกษาและดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นประธาน และพร้อมที่จะเดินหน้าโครงการต่อไป

“ขณะนี้อยู่ระหว่างรอหนังสือจากคณะกรรมการศึกษาเงินดิจิทัลของ ป.ป.ช. โดยตอนนี้เห็นแค่ออกมาตามข่าวสาร แต่ก็ได้เห็นแนวทางแล้วว่าแต่ละประเด็นคืออะไร เราก็เตรียมตัว อะไรที่ตอบได้ก็จะตอบ ส่วนที่อาจจะยังตอบไม่ได้ทันที ก็เตรียมการให้มีคำตอบให้ได้ ทั้งนี้ หากได้รับหนังสือจากคณะกรรมการศึกษาเงินดิจิทัลของ ป.ป.ช.แล้ว ก็จะเป็นจุดจบของการรอฟังความเห็น และคณะกรรมการจะทำการตัดสินใจว่าจะเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อไปอย่างไร” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดโครงการนั้น ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่มีแนวคิดที่จะเปลี่ยน โดยยังคงที่ คือ กลุ่มรายได้ไม่เกิน 70,000 บาท และมีเงินออม ไม่เกิน 500,000 บาท จำนวน 50 ล้านคน วงเงินคือ 500,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินยังเป็น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินกู้ แต่ถ้าจำเป็นจะเป็นจะต้อง เปลี่ยนเป็นการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) รัฐบาลก็มีอำนาจทำได้ แต่ยังไม่มีการคุยกันในเรื่องนี้ และหากจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการก็จะเป็นอำนาจตัดสินใจของคณะกรรมการชุดใหญ่

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ถ้าหากการเริ่มโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เลื่อนออกไปจากเดือนพฤษภาคม 2567 ก็ยังไม่มีการกำหนดวัน หรือเวลาชัดเจนว่าโครงการจะเริ่มใช้จ่ายได้เมื่อไหร่ ซึ่งหวังว่าคงเลื่อนออกไปไม่นาน อย่างไรก็ดี การเลื่อนออกไป ก็ต้องมีผลต่อการกระเพื่อมของเศรษฐกิจในปีนี้ลดลงไป แต่ผลที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้จบแค่ในปีนี้เท่านั้น ถ้าโครงการออกช้าก็จะเห็นผลของการกระตุ้นในปีถัดไปแทน

ADVERTISMENT

นายจุลพันธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้ทำนโยบายนี้แค่นโยบายเดียว ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพียงหนึ่งโครงการที่รัฐบาลทำให้พี่น้องประชาชน ส่วนนโยบายที่จะออกมากระตุ้น ล่าสุด รัฐบาลก็มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาระหว่างรอโครงการเงินดิจิทัล โดยยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ แต่รัฐบาลกำลังดูอยู่

นายจุลพันธ์กล่าวอีกว่า สำหรับกรณี ผลสำรวจของประชาชน เรื่อง วิกฤตเศรษฐกิจกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) นั้น รัฐบาลก็รับฟังความเห็น แต่ยังไม่ถึงขั้นนำมาใช้ตัดสินโครงการ เพราะการสำรวจก็คือความเห็นของประชาชนกลุ่มหนึ่ง โดยประเด็นเรื่องวิกฤต ไม่วิกฤต แน่นอนว่าคนมีรายได้อยู่ระดับบน ถ้าไม่เดือดร้อนก็อาจจะไม่รู้สึก แต่คนที่รายได้อยู่ในระดับฐานราก ก็จะบอกว่าสถานการณ์ตอนนี้อันตรายแล้ว

“สำหรับผม ตอนนี้เศรษฐกิจอยู่ในความถดถอยรูปแบบหนึ่ง ที่เกิดจากภาวะของภาระหนี้ครัวเรือนสูง ทั้งในภาคประชาชน และภาคเอกชนก็สูง ถามว่าตอนนี้ใครคิดเรื่องลงทุนบ้าง มันไม่มีใครมีความพร้อมที่จะคิดเรื่องการลงทุน ถ้าเป็นประชาชนก็คิดถึงแต่เรื่องการประทังชีวิต และการหาเงินมาจ่ายหนี้สิน ส่วนภาคเอกชนก็คิดแต่เรื่องการบริหารจัดการลดต้นทุน และลดหนี้ของตัวเอง ซึ่งทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นไปได้ยาก เราถึงเห็นการเติบโตเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาโดยตลอด” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์กล่าวว่า อย่างไรดี เรื่องของคำว่าเศรษฐกิจวิกฤต หรือเปราะบางนั้น ไม่มีการนิยามความหมายที่เป็นกลาง ไม่มีใครเป็นคนกำหนด โดยการกำหนดคำว่า แต่ละคน แต่ละหน่วยงานก็มีคำตอบแตกต่างกัน แต่ว่ารัฐบาลมีอำนาจตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ ในเรื่องการบริหารราชการ ถ้ารัฐบาลมองว่าวิกฤต และผลักดันให้เข้าสู่กรอบกฎหมาย ดังนั้น รัฐบาลก็ต้องเดินหน้าแก้ความเดือดร้อนให้ประชาชน