‘เอกชนไทย’ เฮ! ศรีลังกาให้ถือหุ้น100% ชวนบินลงทุน 85ธุรกิจ ‘ภูมิธรรม’ ปลื้มเอฟทีเอ ภาษี 0%ทันที 4 พันสินค้า

‘เอกชนไทย’ เฮ! ศรีลังกาให้ถือหุ้น100% ชวนบินลงทุน 85ธุรกิจ ‘ภูมิธรรม’ ปลื้มเอฟทีเอ ภาษี 0%ทันที 4 พันสินค้า

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการเดินทางร่วมคณะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2567 โดยเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ตนและนายกัจจกธุเค นลิน รุวันชีวะ เฟอร์นานโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า พาณิชย์ และความมั่นคงทางอาหารศรีลังกา ได้ร่วมลงนามความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-ศรีลังกา ซึ่งเป็นเอฟทีเอ ฉบับที่ 15 ของไทย และฉบับแรกภายใต้รัฐบาลชุดนี้ และได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งจัดสัมมนาประชาพิจารณ์ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดตลาดการค้าสินค้า บริการ และการลงทุนภายใต้เอฟทีเอไทย ศรีลังกา แก่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนไทยได้เตรียมใช้ประโยชน์ทันทีที่ความตกลงฉบับนี้มีผลใช้บังคับ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ข้อตกลงเอฟทีเอไทยศรีลังกาได้เปิดตลาดสินค้ากว่า 85% ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด โดยเป็นระดับการเปิดตลาดที่เท่าเทียมกันของทั้งสองฝ่าย และมีระยะเวลาการลดหรือยกเว้นอากรในเวลา 16 ปี นับจากความตกลงมีผลบังคับใช้ โดยสินค้าที่ศรีลังกาจะยกเว้นอากรให้ทันทีคิดเป็น 50% ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด หรือกว่า 4,000 รายการ อาทิ ยานยนต์และชิ้นส่วน ปุ๋ย หนังเทียม เคมีภัณฑ์ เยื่อกระดาษและกระดาษคราฟต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ปลาซาดีน ปลาแซลมอนกระป๋อง อาหารสัตว์ กุ้งแช่เย็น โคกระบือมีชีวิต และเครื่องเงิน

“สำหรับภาคบริการ ศรีลังกาเปิดให้ไทยเข้าไปถือหุ้นในสาขาบริการได้ถึง 100% ใน 50 สาขาย่อย อาทิ บริการโรงแรมและร้านอาหาร บริการขนส่งทางทะเล บริการนายหน้าและตัวแทนประกันภัย บริการแฟรนไชส์บริการโทรคมนาคม บริการสิ่งแวดล้อม ส่วนภาคการลงทุนศรีลังกาเปิดให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนโดยถือหุ้นได้ 100% ใน 35 สาขา อาทิ การแปรรูปอาหาร การผลิตสิ่งทอยกเว้นทอผ้าด้วยมือ การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การผลิตยาและเวชภัณฑ์ การผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์และทันตกรรม’นายภูมิธรรมกล่าว

Advertisement

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย กล่าวว่า เอฟทีเอไทยกับศรีลังกา ถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ ภาคเกษตรในส่วนผู้ประกอบการแปรรูปอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออก จะสามารถนำเข้าเครื่องเทศที่เป็นวัตถุดิบประกอบอาหารได้มากขึ้นในราคาลดลง ทำให้ต้นทุนถูกลง รวมถึงเมื่อแปรรูปเสร็จสามารถแข่งขันด้านราคาได้ดีขึ้น และเปิดตลาดในศรีลังกาได้มากขึ้น โดยผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสนี้สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักทั้งเจาะตลาดในศรีลังกาและนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวศรีลังกาจะได้รู้จักมากขึ้น

‘ศรีลังกากำลังเปิดให้ต่างชาติเข้าลงทุน ถือเป็นประโยชน์ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและย่อม ก็มีโอกาสจะออกไปลงทุนในต่างประเทศ ศรีลังกาก็น่าจะเป็นประเทศหนึ่งที่สร้างโอกาสให้ธุรกิจขนาดกลางและธุรกิจที่ทุนไม่ได้สูงนักเข้าไปลงทุน หรือเปิดตลาดใหม่ๆ ซึ่งทางหอการค้าคงจะหารือเพื่อแสวงหาโอกาสความร่วมมือต่อจากนี้ เหมือนอย่างที่ไทยเปิดความร่วมมือกับซาอุดีอาระเบียเมื่อปีที่ผ่านมา จนเกิดความร่วมมือและการค้ากันมากขึ้น อัตราขยายตัวของการค้าการลงทุน แน่นอนว่าอย่างไรหลังเอฟทีเอมีผลบังคับใช้ ในปีแรกๆ ย่อมมีผลให้การค้าเพิ่มขึ้นมาก เหมือนอย่างซาอุฯอยู่ในขั้นฮันนีมูนจนถึงตอนนี้’ นายวิศิษฐ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image