นักวิเคราะห์ ปรับมุมมอง กนง. เริ่มทยอยลดดอกเบี้ยเม.ย. หวั่นกดดันบาทอ่อนค่า

นักวิเคราะห์ ปรับมุมมอง กนง. เริ่มทยอยลดดอกเบี้ยเดือนเม.ย. หวั่นกดดันบาทอ่อนค่า

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.60 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัว แทบไม่เปลี่ยนแปลง จากระดับปิดวันก่อนหน้า มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.50-35.75 บาท/ดอลลาร์

นายพูน กล่าวว่า โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 35.52-35.64 บาทต่อดอลลาร์) ท่ามกลางบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่กดดันให้เงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ในช่วงวันพฤหัสฯ ถึง วันศุกร์นี้ อาทิ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี และการปรับปรุง Seasonal Factor ของอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ

นายพูน กล่าวว่า สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI เดือนมกราคม ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ตลาดจะรอจับตารายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และ ผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ในช่วงนี้ได้ เนื่องจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ในครั้งนี้ มีปริมาณที่สูงพอสมควร ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาว่า ความต้องการซื้อบอนด์สหรัฐฯ 30 ปี จะออกมาอย่างไร

นายพูน กล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ผลการประชุม กนง. ในวันก่อนหน้าที่ทำให้ บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักวิเคราะห์ต่างชาติ ต่างปรับมุมมองว่า กนง. อาจเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยได้ตั้งแต่การประชุมเดือนเมษายน อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้ในช่วงนี้ เงินบาทอาจผันผวนอ่อนค่าลงได้ อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดได้ หากเงินดอลลาร์ไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องชัดเจน อีกทั้ง ผู้เล่นต่างชาติก็อาจประเมินว่า หาก กนง. ทยอยลดดอกเบี้ยได้จริง ก็อาจส่งผลดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นไทยเพิ่มเติม โดยเราประเมินว่า โซนแนวต้านของเงินบาทในช่วงนี้ อาจอยู่ในโซน 35.70-35.75 บาทต่อดอลลาร์

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ เรามองว่า ควรจับตาทิศทางตลาดการเงินจีน หลังในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนทยอยปรับตัวขึ้นสูง ท่ามกลางความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจและการเข้าพยุงความเชื่อมั่นตลาดหุ้นโดยทางการจีน ซึ่งก็มีส่วนช่วยหนุนเงินหยวนจีน (CNY) ดังนั้น หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนในช่วงนี้ เช่น อัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ออกมาดีกว่าคาด สะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้น ก็อาจหนุนให้ เงินหยวนจีน แข็งค่าขึ้นบ้าง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสกุลเงินฝั่งเอเชียเช่นกัน

ทว่า โดยรวมเงินบาทก็ยังขาดปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่าที่ชัดเจน อีกทั้งตลาดยังคงคาดหวังการลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง ของ กนง. ในปีนี้ ทำให้เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้น จนหลุดโซนแนวรับ 35.40-35.50 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ง่ายนักในระยะสั้นนี้ ยกเว้นว่า เงินดอลลาร์จะมีการกลับทิศทางอ่อนค่าลงชัดเจน ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานการปรับปรุง Seasonal Factor ของอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้

“ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และการเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง”นายพูนกล่าว