รมต.พิมพ์ภัทรา สั่งสมอ.ลุยสกัดสินค้าไร้คุณภาพจากต่างประเทศ ยกระดับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 1 พันมาตรฐาน ดึง 8 หน่วยงานเร่งคลอด
น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงแนวทางการปกป้องสินค้าไทยที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าต่างประเทศด้อยคุณภาพ ว่า ได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ติดตามใกล้ชิด เพื่อกำหนดแนวทางปกป้องสินค้าไทยและป้องปรามสินค้าไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ ล่าสุด สมอ.ได้ขออนุมัติคณะกรรมการ สมอ. กำหนดมาตรฐานปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 744 มาตรฐาน จากเดิมขออนุมัติ 603 มาตรฐาน
เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมของไทยให้ผลิตสินค้าอย่างมีคุณภาพได้มาตรฐาน แข่งขันได้ในทุกเวทีการค้า ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ดังนั้น จึงตั้งเป้าหมายให้ปี 2567 สมอ.ต้องกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ให้ได้ไม่น้อยกว่า 1,000 มาตรฐาน เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล ทั้งอุตสาหกรรมเป้าหมาย (เอส-เคิร์ฟ) และอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (นิว เอส-เคิร์ฟ) อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมชีวภาพ เอไอ ฮาลาล และซอฟต์พาวเวอร์
“มอก.ที่ครอบคลุมสินค้าอุตสาหกรรมจะเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า และเป็นกลไกสกัดสินค้าด้อยคุณภาพจากประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนการคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญและกำลังเร่งทำงานอย่างเต็มที่” น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าว
ด้านนายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กมอ.เห็นชอบร่างมาตรฐาน 32 มาตรฐาน อาทิ ท่อเหล็กกล้า คอนกรีต ปูนซีเมนต์ เตาอบไฟฟ้าแบบตั้งโต๊ะ เตาอบเตาปิ้งย่างเชิงพาณิชย์ เครื่องอุ่นไส้กรอก อ่างน้ำวนและสปาน้ำวน สายสวนภายในหลอดเลือด ยางวัลคาไนซ์ และมาตรฐานวิธีทดสอบต่างๆ รวมทั้งเห็นชอบรายชื่อมาตรฐานที่ สมอ. กำหนดมาตรฐานเพิ่มเติมจากเดิมอีก 141 มาตรฐาน จากที่เคยอนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้ว 603 มาตรฐาน รวมเป็น 744 มาตรฐาน
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า มาตรฐานที่ สมอ.จะทำเพิ่มเติมเป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์ 50 มาตรฐาน และมาตรฐานวิธีทดสอบและข้อแนะนำ 91 มาตรฐาน แบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรมดังนี้ 1.เอส-เคิร์ฟ 1 มาตรฐาน 2.นิว เอส-เคิร์ฟ 25 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานดิจิทัลและการแพทย์ครบวงจร 3.มาตรฐานตามนโยบาย 54 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานสมุนไพร และเครื่องกลและภาชนะรับความดัน 4.มาตรฐานส่งเสริมผู้ประกอบการ 23 มาตรฐาน และ 5.มาตรฐานกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ 38 มาตรฐาน ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ ยางและผลิตภัณฑ์ยาง พลาสติก ยานยนต์ และสิ่งทอ
นายวันชัยกล่าวว่า ปี 2567 นี้ สมอ.ได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีพิมพ์ภัทรา เร่งรัดกำหนดมาตรฐานให้ได้ 1,000 มาตรฐาน โดยให้บูรณาการการทำงานร่วมกับ องค์กรกำหนดมาตรฐาน (Standards Developing Organizations, SDOs) ของ สมอ.ทั้ง 8 สถาบันเครือข่าย ได้แก่ สถาบันอาหาร สถาบันพลาสติก สถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันยานยนต์ และสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ รวมทั้งภาคีเครือข่าย SDOs อื่นๆ ร่วมกันกำหนดมาตรฐานตามความเชี่ยวชาญและความถนัดของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
“ขณะนี้มาตรฐานเป็นเครื่องมือสำคัญทางการค้า ประเทศที่พัฒนาแล้วใช้มาตรฐานเป็นเครื่องมือในการยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศ และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางการค้า หลังจากนี้ สมอ.จะเสนอบอร์ดให้ความเห็นชอบรายชื่อมาตรฐานในส่วนที่เหลือต่อไป เพื่อเร่งปกป้องสินค้าไทย” นายวันชัยกล่าว