ธ.ก.ส.ลุย ฝึกอาชีพเกษตรโครงการพักหนี้ 9 แสนคน พร้อมเติมทุน 1 แสนบาท หวังยกระดับคุณภาพชีวิต
นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ดำเนินมาตรการพักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรรายย่อยในช่วงปี 2567-2569 พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการจะต้องเข้าร่วมการเสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะในการประกอบอาชีพภายใต้แนวทาง “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ใหม่” เป้าหมายเกษตรกร จำนวน 900,000 ราย เพื่อขยายการลงทุนในการประกอบอาชีพ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มสภาพคล่องให้เกษตรกรรายย่อยให้สามารถมีรายได้เหลือเพียงพอต่อรายจ่ายที่จำเป็นในครัวเรือน อันนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้นและเป็นการเพิ่มกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจฐานราก
นายณรงค์กล่าวว่า ซึ่งในส่วนของ ธ.ก.ส.ได้จับมือกับเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาในการเสริมสร้างองค์ความรู้ในการพัฒนาอาชีพ การเพิ่มศักยภาพในการผลิต การแปรรูปสู่เกษตรมูลค่าสูง ทั้งการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการแปรรูปและพัฒนาผลผลิต ให้กับเกษตรกรหัวขบวนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อนำไปถ่ายทอดความรู้ให้กับเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้
“โดยเริ่มจากการปรับวิธีคิด เช่น ก่อนลงมือผลิต ตั้งคำถาม ขายอะไร? ขายใคร? ขายเมื่อไหร่? ขายที่ไหน? ขายปริมาณ? ขายราคา? รวมถึงสามารถเชื่อมโยงตลาด ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ระหว่างผู้ประกอบการและเกษตรกรรายย่อย อาทิ การรับซื้อผลผลิต การจ้างแรงงานในพื้นที่ หรือการเป็นพี่เลี้ยงให้กับเกษตรกรรายย่อยในการพัฒนาศักยภาพในการผลิต” นายณรงค์กล่าว
นายณรงค์กล่าวอีกว่า พร้อมจัดเสวนา การยกระดับ SME เกษตรหัวขบวน สู่แกนกลางเกษตรไทย เพื่อการฟื้นฟูเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ โดยนำเครือข่ายส่วนราชการ ได้แก่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เครือข่ายผู้ประกอบการ SME และเกษตรกร หัวขบวน กลุ่ม New Gen และ Young Smart Farmer ที่อยู่ในโครงการ Design & Manage by Area (D&MBA) ของ ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ จำนวน 10 ราย มาร่วมระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนมุมมองในการเข้าไปสนับสนุนเกษตรกรในการประกอบอาชีพ สู่การสร้างงานสร้างรายได้และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรอย่างตรงจุดและยั่งยืน
นายณรงค์กล่าวว่า นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ยังพร้อมสนับสนุนเงินทุนอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนให้กับเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้รายย่อยผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมในการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท เพื่อใช้ในการจัดหาปัจจัยการผลิตและเทคโนโลยีการผลิต ช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพในการผลิตอันนำไปสู่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เริ่มโครงการพักหนี้เกษตรกร เฟส 1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึง 31 มกราคม 2567 มีเกษตรกรแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการแล้วทั้งสิ้น 1.7 ล้านราย ซึ่งภายใต้จำนวนดังกล่าวได้มีการลงนามปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้วประมาณ 7 แสนราย โดยขณะนี้ยังเหลือเกษตรกรอีกราว 9.99 แสนราย มีปัญหานิติกรรมสัญญา เช่น บางกรณีเปลี่ยนผู้ค้ำประกัน หรือบางกรณีผู้ค้ำประกันเสียชีวิต ซึ่ง ธ.ก.ส.ยืนยันว่าได้รับสิทธิทั้งหมด และจะติดตาม เร่งให้ลงนามเข้าร่วมโครงการพักหนี้ให้ได้ภายใน 3 เดือน