ดัชนีเชื่อมั่นดีดบวกสูงสุดรอบ 47 เดือน หลังมีรัฐบาลอัดนโยบายลดค่าครองชีพ-กระตุ้นศก.

ดัชนีเชื่อมั่นดีดบวกสูงสุดรอบ 47 เดือน หลังมีรัฐบาลอัดนโยบายลดค่าครองชีพ-กระตุ้นศก.

เมื่อวันที่13 กุมภาพันธ์ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า จากผลของการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมกราคม 2567 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (ซีซีไอ) ปรับตัวจากระดับ 62.0 เป็น 62.9 ถือเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 47 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาล และรัฐบาลจัดทำนโยบายลดค่าครองชีพผ่านการปรับลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน รวมถึงมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะผู้บริโภคเห็นว่าการเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคตหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้วการเมืองต่างๆ ที่มีความเห็นแตกต่างกัน ความขัดแย้งทางการเมืองน่าจะคลี่คลายลง ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ

“ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่อาจยืดเยื้อบานปลาย อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของไทยและอาจมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาคในอนาคต” นายธนวรรธน์กล่าว

  • ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 56.9 เพิ่มขึ้นจาก 56.0
  • ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ระดับ 59.5 เพิ่มขึ้นจาก 58.7
  • ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 72.2 เพิ่มขึ้นจาก 71.3

Advertisement

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ถือเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ทุกรายการ เมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนธันวาคม 2566 แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นมากขึ้นเป็นลำดับว่าเศรษฐกิจไทยสามารถกลับมาฟื้นตัวได้หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 แต่การที่ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) สะท้อนถึงผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ราคาพลังงานและค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากระดับ 45.4 เป็น 46.2 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต ก็ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 เช่นเดียวกัน โดยปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 69.9 มาอยู่ที่ระดับ 70.9 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมาปรับตัวดีขึ้นจากสถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ภายใต้นโยบายที่ได้ประกาศไว้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image