นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นในการเฝ้าระวังไข้หวัดนก หลังจากที่เกิดการระบาดทั่วเอเชียและสหภาพยุโรป(อียู) และรุนแรงมากขึ้นตามที่องค์การอนามัยโลก (ดับเบิ้ลยูเอชโอ) ได้ประกาศเตือนภัยการแพร่ระบาดครั้งใหม่ในกลุ่มนกป่าและสัตว์ปีกปศุสัตว์ โดยในส่วนของไทย ปัจจุบันผู้เลี้ยงสัตว์ที่ต้องการส่งออกมีการปรับเปลี่ยนการเลี้ยงเป็นระบบอีแว๊ปภายใต้ระบบคอมพาร์ทเมนต์ที่สามารถควบคุมการระบาดของเชื้อโรคได้ทั้งหมด จึงไม่น่าเป็นห่วง ในขณะที่การเลี้ยงสัตว์ปีกของรายย่อยแม้ไม่เป็นระบบอีแว๊ป แต่มีระบบการป้องกันที่ดีมาก มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทุกระยะ การเข้าออกฟาร์มต้องทำความสะอาดเสื้อผ้า รองเท้า รวมทั้งเช็ดล้างยานพาหนะ ซึ่งเกษตรกรเอาใจใส่มากขึ้นเนื่องจากเคยมีประสบการณ์การระบาดของไขหวัดนกมาแล้ว เมื่อพบสัตว์ปีกป่วยตาย จะแจ้งอาสาสมัครประจำหมู่บ้านเพื่อรายงานต่อเจ้าหน้าที่รัฐ หรือ แจ้งได้โดยตรงเพื่อเข้าไปเก็บตัวอย่างตรวจสอบ ในช่วงอากาศหนาวที่ผ่านมายอมรับว่ามีสัตว์ปีกป่วยตายอยู่เป็นระยะแต่จากการตรวจสอบ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นโรคหลอดลมอักเสบและท้องร่วง กรณีนี้สามารถใช้วัคซีนเพื่อป้องกันได้
“ผมไม่ห่วงไก่ที่อยู่ฟาร์มเพราะเกษตรกรเข้าใจและมีวิธีการบริหารจัดการเพื่อให้พ้นจากโรคระบาดได้ จะเห็นได้จากในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีการตรวจพบไข้หวดนกเลย ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ยังมีข้อน่ากังวลในด้านการขนส่งสัตว์ปีกตามแนวชายแดนที่อาจเล็ดลอดสายตาไปบ้างจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นรวมไปถึงการขนส่งวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงสัตว์ปีกด้วย “ นายอภัย กล่าว
นายอภัย กล่าวว่า สำหรับการเฝ้าระวังนกป่า นกอพยพต่างๆนั้นได้ประสานไปยังกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้เฝ้าระวังเอาไว้ด้วย ซึ่งในปีนี้พบว่าไทยไม่พบมีนกอพยพ เข้ามาแต่อย่างใด เนื่องจากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง และส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ การบริหารจัดการในส่วนท้องถิ่นทำได้ดีมาก เพราะนกอพยพสร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมมากพอสมควรเช่นนกปากห่าง ที่ส่วนใหญ่อพยพมาในเดือนพฤศจิกายน และจากไปในเดือนมิถุนายน
นายอภัย กล่าวว่า การควบคุมและเฝ้าระวังไข้หวัดนกได้เป็นอย่างดีนี้ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในสินค้าส่งออกไก่เนื้อของไทย และคาดว่าจะส่งผลให้ไทยส่งออกไก่ได้มากขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อทดแทนสินค้าที่หายไปจากการระบาดของไข้หวัดนก โดยเฉพาะตลาดเกาหลีใต้ที่ปัจจุบันต้องทำลายไก่เนื้อไปจำนวนมาก จนขาดแคลนทั้งเนื้อไก่และไข่ ซึ่งคาดว่าไทยจะส่งออกไก่สดในตลาดนี้ได้อย่างน้อย 10,000 ตัน ในขณะที่ญี่ปุ่นมีการสั่งนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีคู่แข่งอย่างบราซิล แต่ไทยได้เปรียบเรื่องระยะทางการขนส่งที่ใกล้กว่า นอกจากนี้ยังมีซาอุดิอาระเบียที่อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเปิดตลาด ในภาพรวมคาดว่า ไทยจะส่งออกไก่ได้ประมาณ 7.5 แสนตัน มูลค่า 1 แสนล้านบาท ปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น 6-7 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน