กรมอุตุฯ เผยเดือนมี.ค.-พ.ค. ร้อนจัด เปิด 5 จังหวัด อากาศเดือดทะลุ 43-44.5 องศา

ภาพจาก pixabay

กรมอุตุฯ เผยเดือน มี.ค.-พ.ค. ร้อนจัด เปิด 5 จังหวัด อากาศเดือดทะลุ 43-44.5 องศา

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่กรมอุตุนิยมวิทยา นางสาวกรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ถึงการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย ประจำปี 2567 ว่า ประเทศไทยสิ้นสุดฤดูหนาว และเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ตามเกณฑ์การพิจารณาการเข้าสู่ฤดูร้อน 2 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.ลมที่พัดปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบนเปลี่ยนจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ และ 2.พื้นที่ประเทศไทยตอนบนส่วนใหญ่มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิวัดได้ตั้งแต่ 35 °ซ. ขึ้นไป จากนั้นจะสิ้นสุดฤดูร้อนในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2567

โดยปีนี้อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยบริเวณประเทศไทยตอนบน 36-37 °ซ. ซึ่งสูงกว่าค่าปกติ และสูงกว่าปีที่แล้ว ลักษณะอากาศจะร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป และจะมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ 5 จังหวัดที่มีโอกาสร้อนจัดที่สุด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และอุดรธานี ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม-ต้นพฤษภาคม 2567 สำหรับปริมาณฝนรวมเฉลี่ยจะน้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 30

Advertisement

นางสาวกรรวีกล่าวว่า คาดหมายพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดอากาศร้อนจัด ประกอบด้วย ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิสูงสุด 42-44 °ซ. บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลางและตะวันตก อุณหภูมิสูงสุด 41-44 °ซ. บริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี นครนายก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว

Advertisement

ภาคใต้ อุณหภูมิสูงสุด 40-41 °ซ. บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล และกรุงเทพมหานคร อุณหภูมิสูงสุด 40-41 °ซ.

ทางด้านภาคใต้ของประเทศไทย ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-ปลายเมษายน จะมีอากาศร้อนในหลายพื้นที่ และร้อนจัดบางแห่งในบางวัน กับมีฝนตกร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ คลื่นลมในทะเลจะมีคลื่นสูง 1 เมตร จากนั้น จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะฝั่งตะวันตกจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง คลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น บางช่วงอาจสูง 2-3 เมตร

นางสาวกรรวีกล่าวว่า ในช่วงเปลี่ยนฤดูจากปลายฤดูหนาวไปต้นฤดูร้อน (ปลายกุมภาพันธ์-กลางมีนาคม) บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น เนื่องจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปะทะกับอากาศประเทศไทยที่เริ่มร้อนขึ้น และอีกสาเหตุหนึ่งมาจากคลื่นกระแสลมตะวันตกที่พัดจากประเทศเมียนมาเข้ามาปกคลุม

ช่วงกลางฤดูร้อน (กลางมีนาคม-เมษายน) มีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อน พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ โดยจะมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อนในวันแรก ส่วนภาคเหนือ กลาง ตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะได้รับผลกระทบในวันถัดไป ทั้งนี้ บริเวณที่มีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อนรุนแรงส่วนมากอยู่บริเวณจังหวัดที่มีอากาศร้อนจัดทางภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นางสาวกรรวีกล่าวว่า ช่วงฤดูร้อนนี้นอกจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนและสัตว์แล้ว ดัชนีความร้อน หรือ Heat Index คืออุณหภูมิที่คนเรารู้สึกได้ว่าขณะนั้นอากาศร้อนเท่าไร เป็นสภาวะที่ทำให้ร่างกายเรารู้สึกร้อนมากกว่าอุณหภูมิตามจริง ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพทำให้เจ็บป่วยได้

“ดังนั้น ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์ค่าดัชนีความร้อนของกรมอุตุนิยมวิทยา (www.rnd.tmd.go.th/heatindexanalysis) ประกอบด้วยเพื่อใช้วางแผนกิจกรรมในชีวิตประจำวัน และดูแลตนเองให้ปลอดภัยในฤดูร้อนนี้” นางสาวกรรวีกล่าว

ทั้งนี้ เกณฑ์อากาศร้อน ใช้อุณหภูมิสูงสุดประจำวันและใช้เฉพาะในฤดูร้อน 1.อากาศร้อน อุณหภูมิตั้งแต่ 35.0-39.9 °ซ. และ 2.อากาศร้อนจัด อุณหภูมิตั้งแต่ 40.0 °ซ. ขึ้นไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image