เปิดท็อปอสังหาฯ กวาดรายได้-กำไร สูงสุดปี66 ‘แสนสิริ-เอพี-ศุภาลัย’ อู้ฟู่!

เปิดท็อปอสังหาฯ กวาดรายได้-กำไร สูงสุดปี66 ‘แสนสิริ-เอพี-ศุภาลัย’อู้ฟู่

เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด เปิดเผยว่า ผลจากโควิดและปัจจัยลบยังคงอยู่มีผลต่อเนื่องถึงการดำเนินธุรกิจ การใช้ชีวิต ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของคนไทยทั้งบ้านหรือคอนโดมิเนียม ต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ ประกอบกับความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงินก็เป็นความท้าทายของธุรกิจการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการหลายรายปรับแผนธุรกิจลดการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม เพิ่มสัดส่วนบ้านจัดสรรราคาแพงออกมาขายมากขึ้น

มีผู้ประกอบการบางรายที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อระดับบน นอกจากนี้การเร่งปิดการขายและโอนกรรมสิทธิ์โครงการสร้างเสร็จหรือกำลังจะเสร็จ ทำให้ผู้ประกอบการได้เงินสดเข้ามาหมุนเวียนในบริษัทมากขึ้น จึงทำให้ผลประกอบการบางรายมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นในปี 2566 เทียบกับปี 2565

นายสุรเชษฐกล่าวว่า ขณะนี้มีทยอยประกาศผลประกอบการแล้วโดย บมจ.แสนสิริ เป็นผู้ประกอบการที่มีกำไรสุทธิมากที่สุด 6,060 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 42% และรายได้ 39,082 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12%

Advertisement

อันดับ 2 บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้ 38,399 ล้านบาท ลดลง 1% กำไรสุทธิ 6,054 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3% เป็นผลจากปีที่แล้วเปิดโครงการใหม่จำนวนมากโดยเฉพาะบ้านราคาแพง เร่งปิดการขายโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอน

อันดับ 3 บมจ.ศุภาลัย มีรายได้ 31,818 ล้านบาท ลดลง 10% กำไรสุทธิ 5,989 ล้านบาท ลดลง 15%

Advertisement

นายสุรเชษฐกล่าวว่า ส่วนรายอื่น

  • บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ รายได้ 9,237 ล้านบาท ลดลง2% กำไรสุทธิ 2,503 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%
  • บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท รายได้ 26,132 ล้านบาท ลดลง 9% กำไรสุทธิ 2,205 ล้านบาท ลดลง 20%
  • บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น รายได้ 24,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% กำไรสุทธิ 2,482 ล้านบาท ลดลง 3%
  • บมจ.เฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) รายได้ 16,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% กำไรสุทธิ 1,852 ล้านบาท ลดลง 25%
  • บมจ.แอสเสทไวส์ รายได้ 7,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% กำไร สุทธิ 1,213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%
  • บมจ.สิงห์ เอสเตท รายได้ 15,066 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% กำไรสุทธิ 211 ล้านบาท ลดลง 54% และ
  • บมจ.แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเม้นท์​ รายได้ 7,443 ล้านบาท ลดลง 28% กำไรสุทธิ 353 ล้านบาท ลดลง 42%

“หลายบริษัทมีรายได้มากขึ้นและเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก แต่ไม่ได้มากมาย เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการบางรายที่รายได้และกำไรอันดับต้นๆ ส่วนใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจน คือ กำไรที่ลดลง อาจจะเกิดจากมีค่าใช้จ่ายการดำเนินกิจการหรือกิจกรรมทางการขายที่มากขึ้น รวมถึงการลดราคาหรือยอมขาดทุนกำไรให้ปิดการขายได้ แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงมีรายได้และกำไรอยู่ ไม่มีขาดทุนในช่วงที่ผ่านมา เพราะมีรายได้จากธุรกิจอื่น

อย่างควอลิตี้เฮ้าส์ มีรายได้จากอาคารสำนักงานให้เช่า โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ส่วนปี 2567 หลายบริษัทน่าจะพลิกกลับมาทำกำไรและรายได้เพิ่มขึ้น มีมาตรการส่งเสริมจากลดค่าโอนและจำนอง รวมถึงกำลังซื้อต่างชาติในตลาดคอนโดมิเนียมที่จะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน ทั้งคนจีน รัสเซีย และเมียนมาที่เข้ามาในไทยมากขึ้น”นายสุรเชษกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผลการดำเนินงานปี 2566 มีรายได้รวม 26,740 ล้านบาท ลดลง 8,852 ล้านบาทหรือ 24.87% มีกำไรสุทธิ 7,481 ล้านบาท ลดลง 830 ล้านบาทหรือ 9.99%

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image