| ผู้เขียน | รศ.ดร.วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) |
|---|
คิดเห็นแชร์ : กระทรวงอุตฯจัดทัพโรดโชว์
จับมือพันธมิตรพัฒนาอุตสาหกรรมไทย
สวัสดีครับท่านผู้อ่านคอลัมน์ “คิด เห็น แชร์” และผู้อ่านมติชนทุกท่านครับ
ในเดือนนี้ผมจะขอแชร์ข้อมูลข่าวสารจากกิจกรรมโรดโชว์ของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ยกทัพไปพบนักลงทุนรายใหญ่ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนำทีมโดยท่านพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
การเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการลงทุนภาคอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศ และนำเสนอแผนนโยบายการพัฒนาพื้นที่การลงทุนในประเทศไทย ศักยภาพ และความพร้อมรองรับการลงทุน ทั้งความคืบหน้าของโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคต่างๆ
พร้อมทั้งนำเสนอศักยภาพของนิคมอุตสาหกรรมไทยให้กับบริษัทเอกชนรายใหญ่หลายรายของประเทศญี่ปุ่น โดยเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และ New S-Curve ตลอดจนหารือเรื่องการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมเพื่อมุ่งสู่ความเป็น กลางทางคาร์บอนตามเป้าหมายรัฐบาล
ภารกิจสำคัญในการโรดโชว์ครั้งนี้ คือ การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของการบริการสาธารณูปโภคสีเขียว ระหว่าง การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กับบริษัท ไอเอชไอ คอร์ปอเรชั่น และบริษัท ไอเอชไอ แปซิฟิค (ประเทศไทย) จำกัด โดย MOU ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนาการให้บริการสาธารณูปโภคสีเขียวโดยใช้พลังงานทดแทน เพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนสำหรับนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม
รวมถึงการบูรณาการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสาธารณูปโภคสีเขียวกับพลังงานทดแทนภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือ 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 : ศึกษาความเป็นไปได้ ในระยะเวลาประมาณ 1 ปี ระยะที่ 2 : ตั้งโรงงานต้นแบบ และระยะที่ 3 : ร่วมธุรกิจเชิงพาณิชย์ หากผลการศึกษาเป็นไปได้
โดยความร่วมมือนี้จะช่วยบูรณาการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสาธารณูปโภคสีเขียวกับพลังงานทดแทนภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ยกระดับกระบวนการผลิตของโรงงานต้นแบบเพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และมีเป้าหมายในการส่งเสริมการลงทุน
ปัจจุบันนักลงทุนญี่ปุ่นยังคงเป็นอันดับ 1 ของการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม มีจำนวน 1,973 ราย คิดเป็น 29% มูลค่าการลงทุนรวมตั้งแต่มีการจัดตั้งนิคม มูลค่า 2.85 ล้านล้านบาท จากการลงทุนรวมทั้งหมด 13.20 ล้านล้านบาท
โดยแบ่งเป็นการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมใน EEC จำนวน 1,451 ราย มูลค่าการลงทุน 2.07 ล้านล้านบาท และนิคม ที่อยู่นอก EEC จำนวน 552 ราย มูลค่าการลงทุน 0.77 ล้านล้านบาท ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และการขนส่ง อุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์โลหะ อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า พลาสติก เคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมยาง เป็นต้น
ภายหลังการ MOU รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าพบเพื่อแสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งใหม่และหารือความร่วมมือร่วมกับนายไซโต เค็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) และคณะ โดยจะร่วมกันพัฒนาแหล่งพลังงานสีเขียว ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านอุตสาหกรรมที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมอนาคต เช่น พลังงานสะอาด การลดคาร์บอนของกระบวนการผลิตและนิคมอุตสาหกรรม การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และการพัฒนาบุคลากรของผู้ประกอบการ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมอนาคตในระยะต่อไป
ทั้งนี้ การประชุมร่วมกับ METI ตอกย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ หรือ Strategic Partnership อย่างรอบด้านกับญี่ปุ่น และหารือแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ในมิติเศรษฐกิจที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งในระดับทวิภาคี อนุภูมิภาคและภูมิภาค และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้ร่วมประชุมกับผู้บริหารองค์กรพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (New Energy and Industrial Technology Development Organization: NEDO) โดยหารือแนวทางความร่วมมือด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมระหว่างไทย-ญี่ปุ่น และพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรม อาทิ โครงการรถยนต์ไฟฟ้า โครงการเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในภาคการผลิต เป็นต้น
นอกจากนี้ จากการประชุมได้มีการหยิบยกประเด็นการพิจารณาศึกษาโครงการรีไซเคิลมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงาน ระหว่าง NEDO กับ กนอ. ผ่านผู้แทนของทั้งสองหน่วยงาน
ในการโรดโชว์ครั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมมีความมุ่งมั่นที่จะตอกย้ำการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมควบคู่กับการอยู่ร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืน ผ่านการ MOU และการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่สำคัญของญี่ปุ่น ขณะเดียวกันยังเป็นการแสดงจุดยืนว่า เราจะร่วมมือกับพันธมิตร
เพื่อให้เราบรรลุวัตถุประสงค์ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
