นายคริสเตียน โอลอฟสัน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าโครงการ เมกาซิตี้ โครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ ยูสแบบครบวงจร ตั้งแต่พื้นที่สำหรับอยู่อาศัย ออฟฟิศสำนักงาน โรงแรม แหล่งช๊อปปิ้ง บนพื้นที่ 400 ไร่ คาดว่าสามารถรองรับผู้เข้ามาใช้บริการได้มากถึงกว่าวันละ 2.5 แสนคน โดยโครงการจะแบ่งออกเป็นหลายเฟส ทั้ง โรงแรม อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย ส่วนต่อขยายของศูนย์การค้าและอื่นๆ ภายใต้งบลงทุนระยะยาวทั้งหมดกว่า 6.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณไม่รวมกับสิ่งปลูกสร้างที่เปิดใช้บริการปัจจุบัน โดยช่วงแรกศูนย์การค้าเมกาบางนาได้เริ่มดำเนินการส่วนต่อขยายของศูนย์การค้าฯ เงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท ประกอบด้วยร้านอาหารชื่อดัง 40 ร้าน ท็อปส์ ฟู๊ด แอนด์ ไวน์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สร้างอาคารจอดรถที่สามารถรองรับได้ถึง 1,200 คัน คาดว่าจะเปิดให้บริการประมาณเดือนธันวาคมปีนี้
นายคริสเตียนกล่าวว่า สำหรับบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่ศูนย์การค้าฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปี มองว่า น่าจะยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ส่วนทั้งปีมองว่าเติบโต 8% ต่ำกว่าช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ที่เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 10% ซึ่งถือเป็นฐานการเติบโตที่ค่อนข้างสูง ปีนี้จึงปรับฐานการเติบโตลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 3.5 ล้านคนต่อเดือน สัดส่วนลูกค้าหลักยังเป็นคนไทยถึง 98% แต่หากส่วนต่อขยายศูนย์การค้าฯ สร้างแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าใช้บริการภายในศูนย์ฯ ได้อีก 10 % ต่อเดือน และในอนาคตอันใกล้ถ้าโรงแรม ตลอดจนส่วนต่อขยายของศูนย์การค้าฯ อีก 2 เฟส ซึ่งวางไว้เป็นศูนย์รวมความบันเทิง สันทนาการ กีฬา และการศึกษา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระยะของการวางแผนและศึกษารายละเอียด สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้แล้วเสร็จอีก พร้อมๆ กับยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ รถไฟฟ้ารางคู่บางนา-สุวรรณภูมิ ที่เป็นแรงเสริมการเติบโตของพื้นที่นี้ เชื่อว่าทำให้พื้นที่ย่านถนนบางนา-ตราดกลายเป็นศูนย์รวมของการเดินทาง และการขนส่งในอนาคต จะเป็นแลนด์มาร์กสำหรับการช้อปปิ้งท่องเที่ยวอย่างแท้จริง และทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก
