ฟอร์ด เรนเจอร์ 3.0 วี6 ยกระดับกระบะสายลุย!

 แม้ว่าตลาดรถกระบะจะเป็นการแข่งแย่งชิงผู้นำกันอย่างถึงพริกถึงขิงระหว่างอีซูซุกับโตโยต้า แต่สำหรับอันดับ 3 อย่าง ฟอร์ด ก็ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยเช่นกัน เพราะสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดหรือมาร์เก็ตแชร์ แซงค่ายญี่ปุ่นอื่นๆ ขึ้นมาได้ จนได้แชร์ถึง 9% กว่า เป็นครั้งแรกที่ไต่ขึ้นมาถึงอันดับ 3 ของตลาดกระบะเมืองไทย

ก่อนหน้านี้ฟอร์ดจะมีรถหลากหลายประเภท ทั้งเก๋ง เอสยูวี แต่ระยะหลังคงมีเพียงกระบะกับกระบะดัดแปลง หรือ พีพีวี อย่าง ฟอร์ดเอเวอเรสต์เท่านั้นที่สามารถยืนหยัดซัดกับคู่แข่งรายอื่น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้อย่างสมศักดิ์ศรี

ล่าสุดฟอร์ดรุกไปอีกขั้น ด้วยการเสริมทัพรถกระบะรุ่นย่อยใหม่ล่าสุด นำเสนอ ขุมพลังใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 ยกระดับรถกระบะไปอีกขั้น

เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 บล็อกนี้ฟอร์ดการันตีว่าเป็นเครื่องยนต์ตระกูลเดียวกับ ฟอร์ด เอฟ 150 กระบะรุ่นใหญ่แถวหน้ารุ่นหนึ่งของโลก 

Advertisement

เป็นเครื่องยนต์ผลิตที่โรงงานเมืองดาเกนแฮม สหราชอาณาจักร ได้รับความนิยมมายาวนาน มีความเสถียรและทนทาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังและแรงบิดมากขึ้น เพื่อการลากจูงและการขับขี่แบบออฟโรด 

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค วี 6 ใหม่นี้ รูปร่างหน้าตาไม่เปลี่ยนจากเดิมมากนัก แต่เครื่องยนต์ชุดใหม่ทำงานร่วมกับระบบเกียร์เดิม เป็นเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบอีชิฟเตอร์ ฟอร์ดการันตีว่าดีที่สุดในรถคลาสเดียวกัน (Best in Class) 

Advertisement

สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นนี้เป็นระบบ เทอร์โบ วี 6 กำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที (Best in Class) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร (Best in Class) เครื่องยนต์เป็นหัวฉีด Bosch Piezo แรงดันในรางหัวฉีด 2000 บาร์ แรงดันเทอร์โบชาร์จสูงสุด 2.8 บาร์

ฝาสูบอะลูมิเนียม เสื้อสูบรูปตัว V เหล็กหล่อแกรไฟต์ขั้นตอนเดียว กระบอกสูบ 2 แถวจัดวางเข้าหากันไว้ที่ 60 องศา อ่างนํ้ามันเครื่องแบบชิ้นเดียวเป็นการหล่อแรงดันสูงจากอะลูมิเนียม ทำให้มีน้ำหนักเบา แต่ทนทานขึ้น

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ 4A ออลวีลไดรฟ์ (4WD) มีตัวเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ (Normal), โหมดประหยัด (Eco), โหมดลากจูง (Tow/Haul), โหมดถนนลื่น (Slippery), โหมดโคลนและหิน (Mud/Ruts) และโหมดทราย (Sand)

ล้ออัลลอย 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมยางขนาด 255/55 R20 

ระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (Zone Lighting) ควบคุมการเปิดไฟส่องสว่างภายนอกตัวรถ เมื่อต้องการแสงสว่างในการทำกิจกรรมต่างๆ ในตอนกลางคืน ได้แก่ ไฟหน้า ไฟส่องพื้นจากกระจกข้างรถ ไฟในกระบะท้าย และไฟส่องแผ่นป้ายทะเบียน โดยสามารถเลือกเปิดปิดเฉพาะบางโซนหรือทุกโซนพร้อมกันได้ผ่านหน้าจอ SYNC

ช่วงล่าง ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง พร้อมโช้กอัพแบบ โมโนทูบ และระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบซ้อน พร้อมโช้กอัพแบบโมโนทูบ คอม้า (knuckle) อะลูมิเนียม ดิสก์เบรกหน้าและหลัง พร้อมครีบระบายความร้อน ดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้า ล้ออัลลอย 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมยางขนาด 255/55 R20

มิติตัวรถ สูง 1,884 มม. กว้าง 1,918 มม. ความยาว 5,370 มม.

อุปกรณ์ภายนอก ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา ระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูปตัว C ไฟตัดหมอก และไฟท้ายแบบแอลอีดี ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ กระจังหน้าพิเศษแบบ ไวลด์แทรค (Wildtrak) สปอร์ตบาร์และราวหลังคา ฝาท้ายแบบผ่อนแรง อีซี่ ลิฟต์ (Easy Lift)

การตกแต่งภายใน เป็นเอกลักษณ์แบบ Wildtrak เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง แท่นชาร์จไร้สาย กุญแจรีโมตอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ตรถอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้ายขวา ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB (Best in Class/ First in Class) ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร พวงมาลัยไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย การเชื่อมต่อและความบันเทิงภายในรถ

อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง อาทิ หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส มัลติทัช ขนาด 12 นิ้ว ใช้ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A รองรับ แอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ ระบบฟอร์ดพาส คอนเน็กต์ (FordPass Connect) ช่องต่อยูเอสบี 4 จุด รวมถึงบนกระจกมองหลัง (First in class) ลำโพง 6 ตำแหน่ง

อุปกรณ์ความปลอดภัย ถุงลมนิรภัย 7 จุด ได้แก่คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัยและถุงลมบริเวณหัวเข่า ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง กล้องมองหลังขณะถอยจอด พร้อมกล้องมองรอบคัน 360 องศา ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ ออโต้ เบรก โฮลด์ (auto brake hold)

เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง ทั้งระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบสต๊อปแอนด์โก (Stop &Go) เครื่องจะดับอัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่งและจะเริ่มทำงานเมื่อปล่อยเบรก เพื่อความประหยัด

มีระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบเปิดปิดไฟสูงอัจฉริยะ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System) ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Alert) ระบบตรวจจับรถในจุดบอดระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Blind Spot Information System-BLIS with cross-traffic alert)

กล้องมองรอบคัน 360 องศา ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steering Assist) 

มีสีภายนอกให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว อาร์กติก ไวต์ สีเทา เมทิเออร์ เกรย์ สีเหลือง ลักซ์ เยลโลว์ สีดำ แอบโซลูท แบล๊ก

เปิดให้จองผ่านออนไลน์บนเว็บไซต์ www.ford.co.th เริ่ม 26 มีนาคม 2567 เวลา 12.00 . เป็นต้นไป ในราคา 1,519,000 บาท

ฟอร์ดจัดให้สื่อมวลชนทดสอบบนเส้นทางเชียงใหม่เมืองคองห้วยน้ำดัง เส้นทางคดเคี้ยวไปตามขุนเขานับพันโค้ง รวมทั้งเส้นทางทุรกันดารสไตล์ออฟโรด

ทำให้เห็นถึงเป้าหมายการส่งรุ่นนี้มาบุกตลาดเมืองไทย เพื่อต้องการให้เห็นถึงสมรรถนะเครื่องยนต์อันทรงพลัง การควบคุมรถง่ายขึ้น ขึ้นเขาลงเขาทางโค้งลาดชัน เก็บอาการได้ค่อนข้างดี 

แถมมาพร้อมเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในการเดินทางมากมาย 

ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 3.0 ลิตร วี 6 จึงเป็นรถที่เหมาะกับเจ้าของธุรกิจ กำลังหาทางเลือกรถสมรรถนะสูง ตอบโจทย์ใช้งานไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเพื่อการทำงาน ใช้ชีวิตกับครอบครัว หรือเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน ไปได้แบบสบายๆ ไร้กังวล 

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image