แกร็บ ชี้ท่องเที่ยวฟื้น ดันนักท่องเที่ยวต่างชาติเรียกรถโต 139% ชู 4 กลยุทธ์เคลื่อนธุรกิจปี 67
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า แกร็บมองเห็นสัญญาณเชิงบวกและเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งภูมิภาครวมถึงประเทศไทย ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
โดยปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึง 3.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่น และฟู้ดเดลิเวอรี ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 15% ภายในปี 2568 รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวกลับมาแล้ว
โดยได้เพิ่มช่องทางการชำระเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยร่วมมือกับ Alipay และ Kakao Pay พร้อมขยายฐานผู้ใช้บริการในต่างจังหวัด ผ่านการผนึกพันธมิตรกับธนาคารกรุงไทย เชื่อมต่อระบบชำระเงินของ GrabPay Wallet เข้ากับแอพพลิเคชัน Krungthai NEXT โดยอานิสงส์การส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ทำให้ในปี 2566 ยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแกร็บในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นถึง 139%
นายวรฉัตร กล่าวว่า ปี 2567 แกร็บ ประเทศไทย เตรียมเดินหน้ารุกธุรกิจเต็มสูบเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยมุ่งเน้นไป ที่ 4 ประเด็นหลัก (หรือ 4A) ควบคู่ไปกับการสานต่อโครงการต่างๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นกับทุกคนในอีโคซิสเต็มของแกร็บ ได้แก่
1. Active Users: ให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะ 3 กลุ่มหลัก คือ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สมาชิกแพ็กเกจ GrabUnlimited และลูกค้าคุณภาพที่ใช้บริการเป็นประจำ 2. Affordability: เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการและขยายฐานลูกค้าใหม่ ผ่านการเปิดตัวบริการ “GrabCar SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ขนาดเล็กในราคาประหยัดลงสูงสุด 15% (เมื่อเทียบกับบริการ GrabCar) ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มทดลองให้บริการแล้วใน 20 จังหวัด และบริการ “GrabBike SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ในระยะทางไม่เกิน 4 กิโลเมตรในราคาเริ่มต้นเพียง 26 บาท โดยบริการ SAVER จะเปิดให้งานในช่วงที่ไม่ใช่เวลาเร่งด่วนเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์
นายวรฉัตร กล่าวต่อว่า 3.AI Technology: พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และแมชชีนเลิร์นนิง (เอ็มแอล) เพื่อพัฒนาบริการและเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจทั่วทั้งภูมิภาค สร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้แพลตฟอร์มให้กับผู้ใช้บริการ พาร์ทเนอร์คนขับ รวมถึงร้านค้า และ 4.Ads & New Services: แกร็บเตรียมขยายบริการ GrabAds เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโฆษณา เจาะตลาดลูกค้าองค์กร โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว สินค้าสุขภาพ-ความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภค เตรียมผลักดัน “Self-serve Ads” เครื่องมือโฆษณาสำหรับพาร์ทเนอร์ร้านค้า เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเพิ่มยอดขายจากการทำโฆษณาและแนะนำโปรโมชันกับลูกค้าได้ด้วยตัวเอง โดยผลตอบแทนจากการโฆษณา (Return on Ad Spend) เฉลี่ยสูงถึง 6 เท่า
นายวรฉัตร กล่าวว่า ธุรกิจเดลิเวอรียังคงแข็งแกร่ง บริการ GrabFood และ GrabMart ยังคงครองใจผู้ใช้บริการยุคใหม่ที่มองหาความสะดวกสบายและบริการที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกันเราก็ได้พัฒนาฟีเจอร์และบริการใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างบริการรับเองที่ร้าน (Pickup) บริการสั่งอาหารแบบกลุ่ม (Group Order) หรือแม้แต่บริการกินที่ร้าน (Dine-in) ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อตอบโจทย์คาดการณ์ดังกล่าว
“นอกจากการพัฒนาในด้านธุรกิจแล้ว แกร็บ ประเทศไทย ยังคงยึดมั่นเจตนารมณ์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้คนในสังคมควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยปี 2567 ยังเดินหน้าสานต่อโครงการแกร็บอีวี เพื่อผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับให้ได้ 10% ซึ่งคาดว่าจะสำเร็จก่อนปี 2569 โครงการ Carbon Offset ที่ยังคงร่วมปลูกต้นไม้เพื่อชดเชยคาร์บอนจากการใช้บริการ คาดปีนี้จะปลูกต้นไม้ได้มากกว่าปี 2566 ถึง 2 เท่า พัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง เพื่อเป้าหมายในการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้คนไทย” นายวรฉัตร กล่าว