นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงผลสำรวจความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยเดือนมกราคม 2560 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจเกือบทุกตัวในเดือนมกราคม 2560 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อยู่ที่ 74.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2559 ซึ่งอยู่ที่ 73.7 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบัน อยู่ที่ 52.7 เพิ่มขึ้นจาก 52.1 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต อยู่ที่ 83.5 เพิ่มขึ้นจาก 82.5
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 63.1 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนธันวาคม 2559 ซึ่งอยู่ที่ 62.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 69.1 เพิ่มขึ้นจาก 68.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 91.2 เพิ่มขึ้นจาก 90.3 “แม้ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 สะท้อนว่าผู้บริโภคยังระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย จากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ความกังวลใจกับสถานการณ์ไม่แน่นอนของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกเนื่องจากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่” นายธนวรรธน์กล่าว และว่า ส่วนที่ดัชนีปรับเพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง เนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงปลายปีที่ผ่านมา การส่งออกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราปรับตัวดีขึ้น ส่งผลบรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงปีใหม่และตรุษจีน ผู้บริโภคมีอำนาจซื้อมากขึ้นและมีความพร้อมในการจับจ่ายมากขึ้น
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ขณะที่ดัชนีชี้วัดการใช้จ่ายผู้บริโภคเทียบเดือนธันวาคม 2559 ทั้งดัชนีความเหมาะสมการซื้อรถยนต์คันใหม่ในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 81.6 จาก 80.7 ดัชนีความเหมาะสมในการซื้อบ้านหลังใหม่ในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 63.8 จาก 62.4 ดัชนีความเหมาะสมในการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นที่ 67.7 จาก 66.5 และดัชนีความเหมาะสมในการลงทุนทำธุรกิจในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 47.4 จาก 46.4
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ด้านดัชนีชี้วัดทางสังคมของผู้บริโภคเทียบเดือนธันวาคม 2559 ลดลงทั้งหมด ทั้งดัชนีวัดความสุขในการดำรงชีวิตในปัจจุบันปรับลดลงอยู่ที่ 78.6 จาก 80.5 ดัชนีภาวะค่าครองชีพอยู่ที่ระดับ 72.5 จาก 74.1 ดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดเหลือ 71.5 จาก 73.8 ดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันอยู่ที่ 95.9 จาก 97.2
นายธนวรรธน์กล่าวสรุปว่า คาดการณ์ว่าการบริโภคของประชาชนในไตรมาสแรกของปีนี้จะฟื้นตัวไม่มากนัก เนื่องจากผู้บริโภคยังระวังเรื่องการใช้จ่าย แต่มองว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป หากความผันผวนเศรษฐกิจโลกคลี่คลาย และการส่งออกดีขึ้นต่อเนื่อง ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น รวมถึงรัฐบาลใช้งบประมาณกลางปีกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค ทั้งนี้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะยังขยายตัวได้ 3.5-4% หากส่งออกขยายตัวได้ 2% แต่ต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงทั้งนโยบายสหรัฐ และสหราชอาณาจักรจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก
