แลนด์ลอร์ด ตระกูลดัง เทขายที่ดิน ตั้งราคาสูงกว่าตลาด ฮือฮา 48 ไร่แจ้งวัฒนะ 6.8 พันล้าน
วันที่ 27 มีนาคม นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมราคาที่ดินในปัจจุบันยังคงปรับตัวสูงขึ้นทุกปี เฉลี่ยปีละ3-7% ในขณะที่สถานการณ์การซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินเปล่ามีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิดหรือยุคที่คอนโดมิเนียมบูมมากๆ โดยส่วนใหญ่ที่นำมาขายเป็นที่ดินแปลงเล็ก เป็นเจ้าของหรือบุคคลที่นำมาเสนอขายเอง เนื่องจากที่ดินแปลงใหญ่จะขายได้ค่อนข้างยาก ด้วยภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชะลอการตัดสินใจมากขึ้น โดยในปี 2566 บริษัทปิดดีลซื้อขายได้ 5-6 แปลง มูลค่ารวม 600-700 ล้านบาท และอยู่ระหว่างจะปิดดีลอีก 2-3 แปลง อยู่ในทำเลรอบนอกกรุงเทพฯ
“ตอนนี้มีที่ดินในเมืองท่องเที่ยวหลายแห่งที่เจ้าของนำมาให้บริษัทขายให้ มากสุดอยู่ที่หัวหิน เช่น ติดหาดเขาตะเกียบ เนื้อที่ 3-4 ไร่ เสนอขายที่ไร่ละ 50-60 ล้านบาท ขณะที่ภูเก็ตก็มีแต่ไม่มาก เพราะด้วยตลาดที่คักคัก และมีการเข้าไปพัฒนาโครงการจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา จึงเกิดความต้องสูงและซื้อง่ายขายคล่องขึ้น ทำให้เจ้าของที่ดินขายตรงกับดีเวลลอปเปอร์เอง โดยไม่ผ่านนายหน้า”นายณัฏฐากล่าว
นายณัฏฐากล่าวว่า สำหรับกรุงเทพฯ การซื้อขายไม่คักคักเช่นกัน เนื่องจากราคาที่ดินค่อนข้างสูง และเจ้าของที่ดินที่นำมาเสนอขาย จะตั้งราคาไว้ชนเพดาน เช่น ที่ดินเอกมัยซอย 8-10 เจ้าของขายเอง ตั้งราคาขาย 450,000 บาทต่อตารางวา(ตร.ว.) อีกแปลงอยู่เอกมัย ติดคอนโดมิเนียม เนื้อที่ 2 ไร่ เจ้าของขายเอง ตั้งราคาขาย 1 ล้านบาทต่อตร.ว. หรือมูลค่ารวม 800-1,000 ล้านบาท
“ราคานี้เป็นไปได้ แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ ที่มีเรื่องของพื้นที่ข้างเคียงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น สร้างบังแดด บังลม จะทำให้การซื้อขายยากและต้นทุนการพัฒนาสูงขึ้น ตอนนี้ทุกอย่างเป็นต้นทุนหมด เลยทำให้ขายยาก”นายณัฏฐากล่าว
นายณัฏฐากล่าวว่า ปัจจุบันที่ดินใกล้รถไฟฟ้ามีเจ้าของนำมาให้บริษัทขายให้บ้าง แต่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่อยู่ในทำเลรอบนอก เช่น รังสิตคลอง 1 ถึงคลอง4 พระราม2 เป็นต้น ล่าสุดมีที่ดินแปลงใหญ่ เนื้อที่กว่า 48 ไร่ อยู่ตรงข้ามศูนย์การค้าเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ติดกับสถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 ของรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี โดยเจ้าของตั้งราคาขาย 350,000 บาทต่อตร.ว. คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 6,807 ล้านบาท ถือว่าสูงกว่าตลาดเลก็น้อย แต่เนื่องจากอยู่ในทำเลมีศักยภาพ ตามผังเมืองกำหนดเป็นสีน้ำตาล ย.8 หรือ ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก เหมาะสำหรับการพัฒนาแบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส
“เจ้าของที่นำที่ดินมาให้เราขาย มีทั้งเป็นบริษัทใหญ่ และตระกูลดัง เพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์ ส่วนเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวเร่ง”นายณัฏฐากล่าว