อสังหากทม.-ปริมณฑล สต๊อกพุ่งกว่า 2 แสนยูนิต เตือน 5 ทำเล ต้องระวัง เหลือขายบาน

อสังหากทม.-ปริมณฑล สต๊อกพุ่งกว่า 2 แสนยูนิต เตือน 5 ทำเล ต้องระวัง เหลือขายบาน

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่าภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑลในไตรมาส 4 ปี 2566 มีการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานไม่สอดคล้องกันโดยมีอุปทานเพิ่มเข้ามาในตลาดถึง 31,363 หน่วย เพิ่มขึ้น 13% มูลค่า 240,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.2% เป็นอาคารชุด 15,593 หน่วย เพิ่มขึ้น 16.2% มูลค่า 95,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.2% บ้านจัดสรร 15,770 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.1% มูลค่า 144,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.9% ขณะที่มียอดขายใหม่ 18,208 หน่วย ลดลง 14.5% ส่งผลต่อจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายเพิ่มขึ้น 13.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 4 ไตรมาส และมีผลให้อัตราดูดซับโดยเฉลี่ยลดลง 2.7%

นายวิชัยกล่าวว่า แยกตามประเภทที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในไตรมาส 4 ปี 2566 พบว่าอาคารชุดเปิดขายใหม่สูงสุด 49.7% จำนวน15,593 หน่วย รองลงมาบ้านเดี่ยว 22.1 % จำนวน 6,917 หน่วย ทาวน์เฮ้าส์  17.6% จำนวน 5,510 หน่วย บ้านแฝด 10.5 % จำนวน 3,306 หน่วย โดยระดับราคาเปิดขายใหม่มากสุดเป็นราคา 2-3 ล้านบาท จำนวน 6,588 หน่วย และราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 6,056 หน่วย

นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับ 5 ทำเลที่เปิดตัวใหม่สูงสุด ได้แก่

Advertisement
  • ธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด 3,351 หน่วย มูลค่า 13,420 ล้านบาท
  • บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย 3,146 หน่วย มูลค่า 18,535 ล้านบาท
  • ภาษีเจริญ-บางแค-หนองแขม 2,733 หน่วย มูลค่า 20,184 ล้านบาท
  • คลองสามวา-มีนบุรี-ลาดกระบัง 2,499 หน่วย มูลค่า 10,607 ล้านบาท
  • บางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง 2,407 หน่วย มูลค่า 13,061 ล้านบาท

นายวิชัยกล่าวว่า ส่วน 5 ทำเลที่ขายได้ใหม่สูงสุด ได้แก่

  • บางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง 2,315 หน่วย มูลค่า 13,790 ล้านบาท
  • บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย 1,711 หน่วย มูลค่า 8,768 ล้านบาท
  • เมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ 1,613 หน่วย มูลค่า 6,221 ล้านบาท
  • คลองหลวง 1,333 หน่วย มูลค่า 4,294 ล้านบาท
  • ลำลูกกา-ธัญบุรี 1,280 หน่วย มูลค่า 4,488 ล้านบาท

นายวิชัยกล่าวว่า ทั้งนี้ ยังมีทำเลที่ควรเฝ้าระวังหรือทำเลที่มีหน่วยเหลือขายสูงสุด โดยจากจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขาย 209,894 หน่วย มูลค่ากว่า 1.16 ล้านล้านบาท พบว่าเป็น

  • สร้างเสร็จเหลือขาย 41,470 หน่วย
  • อยู่ระหว่างก่อสร้าง 73,571 หน่วย
  • ยังไม่มีการก่อสร้าง 94,853 หน่วย

โดยที่อยู่อาศัยเหลือขาย แยกเป็นอาคารชุด 83,647 หน่วย ทาวน์เฮาส์ 64,411 หน่วย บ้านเดี่ยว 37,841 หน่วย บ้านแฝด 22,098 หน่วย อาคารพาณิชย์ 1,897 หน่วย โดยเป็นกลุ่มราคา 2- 3ล้านบาท มีจำนวนถึง 63,582 หน่วย ระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 53,743 หน่วย ระดับราคา 5-7.50 ล้านบาท จำนวน 27,135 หน่วย

Advertisement

นายวิชัยกล่าวว่า โดย 5 ทำเลที่มีหน่วยเหลือขายสูงสุด ได้แก่ บางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย 20,271 หน่วย มูลค่า 103,335 ล้านบาท, ลำลูกกา-ธัญบุรี 18,303 หน่วย มูลค่า 85,304 ล้านบาท, บางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง 16,762 หน่วย มูลค่า 93,270 ล้านบาท, คลองหลวง 16,558 หน่วย มูลค่า 61,418 ล้านบาท และเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ 13,807 หน่วย มูลค่า 45,221 ล้านบาท

นายวิชัยกล่าวว่า โดยสรุปภาพรวมทั้งปี 2566 มีที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ 96,278 หน่วย ลดลง 11.9% เป็นบ้านจัดสรร 48,923 หน่วย อาคารชุด 47,355 หน่วย ขายได้ใหม่ 73,703 หน่วย ลดลง 22.5% เป็นบ้านจัดสรร 43,229 หน่วย อาคารชุด 30,474 หน่วย มีที่อยู่อาศัยเหลือขาย 209,894 หน่วย เพิ่มขึ้น 13.7% เป็นบ้านจัดสรร 126,247 หน่วย อาคารชุด 83,647 หน่วย โดยอัตราดูดซับลดลง 3.8%จาก ในปี 2565 เป็น 2.7% ในปี 2566

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image