รับเหมาคึกรับงบปี’67 ทางหลวง กดปุ่มประมูล 4 พันสัญญา ลุยซ่อม สร้าง
วันที่ 30 มีนาคม นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ดีใจที่งบประมาณปี 2567 ได้ผ่านการอนุมัติแล้ว เนื่องจากล่าช้ามาร่วม 6 เดือน ซึ่งเมื่อไม่มีเงินลงทุนใหม่เข้าสู่ระบบ ทำให้ทุกอย่างเงียบไปหมดทั้งเศรษฐกิจและภาคก่อสร้าง เมื่องบประมาณมีผลบังคับใช้ ทำให้การประมูลงานคึกคัก และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ถึงรากหญ้า ผ่านเม็ดเงินโครงการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่ากระทรวงต่างๆจะเริ่มประมูลงานตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ทันกับการใช้งบประมาณในเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
“งบประมาณที่ผ่านการอนุมัติแล้ว ทำให้เกิดกระแสตื่นตัว และเม็ดเงินที่จะออกมา ผ่านโครงการก่อสร้าง ถือเป็นอีกตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะมีหลายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องได้รับประโชยน์ เช่น วัสดุก่อสร้าง ภาคแรงงานที่จากเดิมว่างงาน เพราะงานขาดช่วง ก็จะกลับเข้าสู่ระบบ ทำให้มีรายได้ มีการใช้จ่ายเกิดขึ้น เพราะไม่ใช่แค่งานโครงการขนาดใหญ่ที่จะมีการประมูล ยังมีงานซ่อมและสร้างที่จะทำให้รับเหมารายกลาง รายเล็ก รายย่อยที่เป็นผู้รับเหมาช่วงจะได้งานด้วย”นายปิยะดิษฐ์กล่าว
นายปิยะดิษฐ์กล่าวว่า ทั้งนี้สมาคมฯอยากให้รัฐบาลเร่งรัดมาตรการการจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้างหรือค่าเค ซึ่งยังตกค้างมา 3 ปี มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่ผู้รับเหมาพึงจะได้ แต่ที่ผ่านมาล่าช้า ถ้าภาครัฐสามารถเร่งดำเนินการส่วนนี้ได้เร็ว จะทำให้ผู้รับเหมามีเงินหมุนเวียนมากขึ้น
“อยากให้รัฐเร่งช่วยเงินค่าเคที่ยังค้าง และให้ช่วยกระตุ้นแบงก์ให้ปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับรับเหมารายย่อย เพราะปัจจุบันจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการก่อสร้างไม่ค่อยดี หลังๆ แบงก์จะเข้มงวดขึ้น อยากให้ช่วยผ่อนคลาย”นายปิยะดิษฐ์กล่าว
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) กล่าวว่า กรมจะเร่งรัดเปิดประมูลงานโครงการตามงบประมาณปี 2567 เพื่อให้ทันเบิกจ่ายในเดือนพฤษภาคมที่พ.ร.บ.งบประมาณมีผลบับคับใช้ โดยงบได้รับอนุมัติงบประมาณ 45,000 ล้านบาท จะแบ่งประมูลออกเป็น 4,000 สัญญา มีค่างานตั้งแต่ 1 ล้านบาทถึง 1,000 ล้านบาท มีทั้งงานซ่อมบำรุง ก่อสร้างถนน สะพาน โดยจะเร่งประมูลให้เสร็จในเดือนเมษายนและเซ็นสัญญาเริ่มงานก่อสร้างในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งจะทำให้มีเวลาเพียง 5 เดือนในการใช้งบประมาณ แต่ยังมีงบประมาณปี 2568 จะเริ่มใช้เดือนตุลาคมนี้มาเสริม เพื่อหมุนเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
