สงกรานต์…ผู้โดยสารกว่า 2.61 ล้านคนต้องสะดวก ‘สุริยะ’ กำชับทอท.ดูแล

เทศกาลสงกรานต์ที่คนไทยรอคอยจะได้พักผ่อน ได้สาดน้ำ สาดความสุขกันอย่างเต็มที่ หลังเผชิญกับโควิด-19 ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ปีนี้คาดการณ์ว่าการเดินทางจะกลับมาคึกคัก

โดย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 2.61 ล้านคนทีเดียว!!

เมื่อเร็วๆ นี้ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายนนี้ รวมระยะเวลา 7 วัน

รัฐมนตรีสุริยะให้ข้อมูลว่า ได้สั่งการทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนครอบคลุมทุกมิติ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแผนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มุ่งเป้าหมายให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายได้อย่างสะดวกและปลอดภัยตามนโยบาย “เดินทางทั่วไทย คมนาคม สะดวก ปลอดภัย ใส่ใจให้บริการประชาชน” โดยให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมการรองรับและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ตลอดจนกำกับดูแลการให้บริการ มาตรฐานความปลอดภัย และแจ้งข้อมูลข่าวสารประชาชนล่วงหน้าเพื่อวางแผนการเดินทาง

Advertisement

ทุกหน่วยงานบริการทั้งบก ราง น้ำ และอากาศ ต้องเตรียมการบริการผู้โดยสารช่วงสงกรานต์ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยในส่วนของการเดินทางทางอากาศ ได้กำชับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริหารท่าอากาศยานหลักของประเทศ ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ให้บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ให้บริการในท่าอากาศยานในการร่วมกันบริหารจัดการการอำนวยความสะดวกอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความรวดเร็วในทุกกระบวนการ ทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก การจัดเจ้าหน้าที่ดูแลและให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารในทุกขั้นตอน รวมถึงรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัย และเชื่อมโยงกับการคมนาคมด้านอื่นอย่างไร้รอยต่อ
คาดว่าช่วงสงกรานต์ 2567 คือ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2567 จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการท่าอากาศยานของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง กว่า 2.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 1.65 ล้านคน เพิ่มขึ้น 46.00% และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 962,362 คน เพิ่มขึ้น 6.59%

รวมทั้งคาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 15,113 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 16.71% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 8,682 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 32.53% และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 6,431 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 0.52% โดยที่ ทสภ.คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 1.34 ล้านคน เพิ่มขึ้น 36.73% และมีเที่ยวบินประมาณ 7,022 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 21.13% ส่วน ทดม.มีผู้โดยสารประมาณ 625,530 คน เพิ่มขึ้น 14.83% และมีเที่ยวบินประมาณ 4,117 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.58% สำหรับ ทชม.มีผู้โดยสารประมาณ 199,563 คน เพิ่มขึ้น 34.83% และมีเที่ยวบินประมาณ 1,152 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 6.96% ด้าน ทชร.มีผู้โดยสารประมาณ 41,318 คน เพิ่มขึ้น 16.71% และมีเที่ยวบินประมาณ 281 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 18.07% และ ทภก.มีผู้โดยสารประมาณ 355,501 คน เพิ่มขึ้น 31.97% และมีเที่ยวบินประมาณ 2,161 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 24.77% ขณะที่ ทหญ.มีผู้โดยสารประมาณ 53,894 คน ลดลง 6.92% และมีเที่ยวบินประมาณ 380 เที่ยวบิน ลดลง 0.52%

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมและ ทอท. ได้จัดที่จอดรถยนต์ฟรี ณ บริเวณลานจอดรถยนต์ระยะยาว โซน D ทสภ.ตั้งแต่วันที่ 12-16 เมษายน 2567 และที่ ทดม.สามารถจอดรถยนต์ฟรีได้ที่บริเวณระหว่างอาคารคลังสินค้า 2 และอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น ตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายน 2567 สามารถจอดรถยนต์ได้ 250 คัน พร้อมจัดเตรียมรถรับส่งให้บริการระหว่างจุดจอดรถไปยังอาคารผู้โดยสาร

Advertisement

รวมทั้งเน้นย้ำให้ ทอท.ส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้บริการผู้โดยสารในท่าอากาศยาน เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ผู้ประกอบการที่ให้บริการภาคพื้น เป็นต้น จัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ให้เพียงพอ ประสานบริษัทผู้รับจ้างให้บริการรถเข็นกระเป๋าเตรียมความพร้อมพนักงาน และรถเข็นกระเป๋าให้พร้อมบริการผู้โดยสารตลอดเวลา และเพิ่มความถี่ในการจัดเก็บรถเข็นกระเป๋าให้เร็วขึ้น รวมทั้งขอความร่วมมือสายการบินเปิดใช้งานเคาน์เตอร์ครบตามจำนวนที่ได้รับการจัดสรร

โดยจัดเจ้าหน้าที่ Airport Help อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำผู้โดยสารในด้านต่างๆ เช่น แนะนำการใช้เครื่อง CUSS (Common Use Self Service) สำหรับเช็กอินด้วยตนเอง หรือเครื่อง CUBD (Common Use Bag Drop) สำหรับโหลดสัมภาระด้วยตนเอง รวมไปถึงช่วยดูแลเรื่องการจัดแถวของผู้โดยสารทั้งในพื้นที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็กอิน เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว ตลอดจนด้านระบบคมนาคมขนส่ง ซึ่งขณะนี้ที่ ทสภ. ทดม. ทชม.และ ทภก. เปิดให้บริการรถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ Grab Application เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวก ลดความหนาแน่นของรถยนต์ในท่าอากาศยาน

ขณะที่ “กีรติ กิจมานะวัฒน์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า พร้อมดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยท่าอากาศยานของ ทอท. จะจัดตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวก และศูนย์ความปลอดภัยคมนาคม บูรณาการการทำงานและประสานงานด้านการข่าวร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมง

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 อาจมีผู้ใช้บริการสนามบินจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ ทดม.อาจมีรถหนาแน่นบริเวณชานชาลาอาคารผู้โดยสารขาเข้าและขาออก จึงกำหนดให้รถแท็กซี่สาธารณะทุกคันใช้ช่องทาง PASSENGER DROP LANE พร้อมจัดเตรียมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำ และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสารบริเวณช่องทาง PASSENGER DROP LANE ประตู 16 และ 17 ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นรถแท็กซี่สาธารณะที่มีผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ หรือต้องการใช้รถวีลแชร์ หรือนำรถวีลแชร์มาด้วยให้ส่งผู้โดยสารที่บริเวณประตูหมายเลข 5 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (ขาออก) อาคาร 1 ทดม.

ทั้งนี้ ขอแนะนำผู้โดยสารที่ต้องการความรวดเร็วในขั้นตอนการเช็กอินและโหลดกระเป๋าสัมภาระใช้บริการเครื่อง CUSS และ CUBD ซึ่งใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ทำให้ไม่ต้องรอต่อแถวเช็กอินที่เคาน์เตอร์ และสำหรับในขั้นตอนตรวจค้น ขอแนะนำผู้โดยสารปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การนำของเหลว เจล สเปรย์ ติดตัวขึ้นเครื่อง ขอความร่วมมือผู้โดยสารตรวจสอบให้บรรจุภัณฑ์มีข้อความระบุปริมาตรชัดเจน ไม่เกิน 100 มิลลิลิตร จำนวนรวมไม่เกิน 10 ชิ้น หากมีบรรจุภัณฑ์ที่มีปริมาณของเหลวเกินกำหนดจะต้องนำไปโหลดใต้ท้องเครื่อง

สำหรับแบตเตอรี่ลิเทียมสำรองขนาดเล็กที่มีค่าความจุไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 Wh หรือ 20,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเทียมสำรองขนาดกลางที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 100-160 Wh หรือ 20,000-32,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเทียมสำรองขนาดใหญ่ที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh หรือ 32,000 mAh ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินและโหลดใต้ท้องเครื่องบิน นอกจากนี้ แบตเตอรี่ลิเทียมสำรองที่ไม่ระบุพลังงานไฟฟ้าวัตต์-ชั่วโมง (Wh) หรือระบุขนาดบรรจุของลิเทียม หรือระบุไม่ชัดเจนไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบิน หรือโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้

ทั้งนี้ ขอให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะช่วยทำให้ขั้นตอนการตรวจค้นรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image