บลจ.กรุงไทยคาด ดัชนีหุ้นไทยปีนี้แตะ 1,680 จุด แนะลงทุนหุ้นกลางเล็ก-ก่อสร้าง-พาณิชย์-ธนาคาร

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยในปี 2560 จะผันผวนอยู่ในกรอบ 1,400-1,680 จุด และจะปิดปีที่ 1,660 จุด ถือว่าปรับขึ้นไม่มากนักเมื่อเทียบกับดัชนีปิดปี 2559 ที่ปิดในระดับ 1,548.94 จุด อีกทั้งราคาหุ้นหลายตัวเริ่มเข้าใกล้มูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ราคาหุ้นต่อจากนี้จะไม่มาในลักษณะปรับขึ้นทั้งกระดานหรือกลุ่มอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งเป็นพิเศษ การลงทุนหุ้นจะต้องคัดเลือกมาเป็นพิเศษ วิธีการลงทุนของบริษัทจะให้ความสำคัญกับงานด้านวิเคราะห์ ทั้งเศรษฐกิจมหภาค รายกลุ่มอุตสาหกรรม และการวิเคราะห์ที่ลงลึกถึงรายบริษัท และเป็นหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากกระแสเม็ดเงินลงทุนไหลเข้า-ออก ของนักลงทุนต่างชาติที่จะมีความผันผวนค่อนข้างสูงตลอดทั้งปี

ทั้งนี้ สำหรับหุ้นที่บริษัทสนใจและคาดว่าจะมีความโดดเด่นคือ หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (เซต) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เลือกลงทุนในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐ การบริโภคภายในประเทศ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า คือ กลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพาณิชย์ รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น

“ปีนี้หุ้นไทยมีปัจจัยการลงทุนภายในประเทศจะเป็นปัจจัยสนับสนุน ทั้งภาวะของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ สภาพคล่องตลาดเงินที่มีอยู่สูง อัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ค่าเงินที่มีความผันผวนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่จะส่งผลต่อเม็ดเงินลงทุนไหลเข้า-ออก ภูมิภาคที่สำคัญได้แก่ นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสำคัญๆ และการปรับเปลี่ยนผู้นำทางการเมืองของประเทศเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยประเมินว่ากระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าซื้อสุทธิในหุ้นไทยและตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั่วโลก” นางชวินดากล่าว

ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทได้คัดสรรกองทุนในแต่ละประเภทที่คาดว่ามีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนได้พิจารณา คือ กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap (KTMSEQ) กองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนดังกล่าวได้ใช้ Bottom up approach เป็นหลักในการคัดเลือกหุ้นและบริหารกองทุน ซึ่งเหมาะสมกับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image