‘ต่างชาติ’ หนีสงครามปักหลักไทย ‘พม่า’ ช้อปคอนโดพุ่งเท่าตัว ‘จีน-ไต้หวัน’ เล็งหมื่นไร่ตั้งโรงงาน

ประเทศไทยเนื้อหอม ต่างชาติหนีสงคราม แห่ย้ายฐานตั้งโรงงาน ทุ่มซื้อบ้าน คอนโด ย่านไพร์มแอเรียเป็นบ้านหลังที่2 ทำเลกทม. เชียงใหม่ ภูเก็ตคึก ‘จีน-ไต้หวัน’ไม่แผ่ว ‘เมียนมา’มาแรง ช้อปเพิ่มเท่าตัว ที่ดินนิคมดีมานด์พุ่งหมื่นไร่

เมื่อวันที่ 16 เมษายน นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการ บริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด ที่ปรึกษาด้านการตลาดและขายโควต้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ ยังคงมีดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งกลุ่มประเทศยุโรปอย่างรัสเซีย ยูเครน และเอเชีย เช่น จีน ไต้หวัน และเมียนมาที่เริ่มเข้ามามากขึ้น เนื่องจากต้องการหนีการเกณฑ์ทหาร แต่ชาวจีนยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ หลังมีมาตรการวีซ่าฟรี ทำให้เริ่มกลับมาคึกคักขึ้น แม้ว่าภายในประเทศจีนเอง ยังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจก็ตาม

“ต่างชาติที่เข้ามา ส่วนใหญ่หาซื้อที่อยู่อาศัยนอกประเทศ สำหรับเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าและเป็นบ้านหลังที่สอง ซึ่งประเทศไทยเป็นหมุดหมายที่ต่างชาติให้ความสนใจ โดยเฉพาะทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า โรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้า และเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม ดูได้จากที่บริษัททำการขายให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ที่เริ่มคึกคักและเริ่มสอบถามหาซื้อคอนโดในรูปแบบเหมาตึกหรือเป็น 100-150 ยูนิตมากขึ้น รวมถึงโรงแรมด้วย เพราะมองว่าการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวจึงอยากจะซื้อเพื่อลงทุน เพราะผลตอบแทนปรับตัวดีขึ้น ซึ่งในกรุงเทพฯอยู่ที่ 4-6% เชียงใหม่ 8-11% และภูเก็ต 8-9%” นายไซม่อนกล่าว

นายไซม่อนกล่าวว่า สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ ลูกค้าต่างชาติที่สนใจซื้อ จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมและเป็นแบรนด์ใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ไต้หวัน ล่าสุดมีเมียนมาที่ซื้อในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นกว่า 1 เท่าตัว เมื่อเทียบกับเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มซื้อระดับราคา 1-5 ล้านบาท และกลุ่มซื้อระดับราคา 20-50 ล้านบาท จะซื้อในทำเลแนวรถไฟฟ้า เช่น ย่านสุขุมวิท บางนา พระราม 9 ส่วนชาวไต้หวันซื้อในระดับราคา 3-10 ล้านบาท ด้านชาวจีนเป็นระดับราคา 5-50 ล้านบาท และซื้อเพนต์เฮาส์ราคา 100-200 ล้านบาท

Advertisement

ขณะที่ กลุ่มประเทศยุโรปและยุโรปตะวันออกกลาง เช่น รัสเซีย ยูเครน บัลแกเรีย ซึ่งส่วนใหญ่จะหนีสงครามมา จะนิยมซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จังหวัดภูเก็ต มี 2 รูปแบบ คือ ซื้อคอนโดมิเนียมระดับราคา 1-5 ล้านบาท และซื้อบ้านวิลล่า โดยเป็นการซื้อแบบทรัพย์อิงสิทธิหรือเช่าซื้อระยะยาว เป็นระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป โดยทำเลนิยมอยู่ย่านบางเทา และใจกลางเมืองภูเก็ต

สำหรับ เชียงใหม่ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนและไต้หวัน จะซื้อระดับราคา 1-3 ล้านบาทสำหรับคอนโดมิเนียม และระดับราคา 3-10 ล้านบาท สำหรับบ้านแนวราบ

อย่างไรก็ตามใน 3 จังหวัดนี้ ตลาดภูเก็ตมีแนวโน้มจะเติบโตมากสุด เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ต่างชาตินิยมและราคาที่อยู่อาศัยยังไม่แพงมาก ในปัจจุบันคอนโดมิเนียมราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2-5 ล้านบาท ส่วนบ้านวิลล่าอยู่ที่ 20-50 ล้านบาท

Advertisement

“อีกตลาดที่กำลังบูมมาก คือ ธุรกิจอสังหาฯในในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ล่าสุดมีนักลงทุนจากจีนและไต้หวันมีความต้องการพื้นที่ประมาณ 8,000-10,000 ไร่ สำหรับตั้งโรงงานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวีและอิเล็กทรอนิกส์ในไทย แต่ซัพพลายในตลาดมีไม่พอ” นายไซม่อนกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image