กูรูชี้ จับตาสงครามอิสราเอล-อิหร่านใกล้ชิด หลังดันทองคำพุ่ง เงินบาทอ่อนค่า เชื่อราคาเป้าหมาย 43,000 บาท ไม่ไกล
นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ราคาทองคำสปอต เคลื่อนไหวไซด์เวย์ในกรอบแคบ แม้ราคาทองคำจะถูกแรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่ามาก และตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจลดดอกเบี้ยเหลือเพียง 1 ครั้งในปี 2567 นี้ โดยคาดว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน 2567 แต่ก็ยังมีแรงซื้อจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ขณะที่สหรัฐมีแผนจะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อการที่อิหร่านโจมตีอิสราเอล ทำให้ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามเป็นเรื่องสงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ที่ต้องติดตามใกล้ชิดมากจริงๆ เพราะมีผลต่อการเคลื่อนไหวราคาทองคำให้ผันผวนเป็นหลัก
นายธนรัชต์กล่าวว่า คาดราคาทองคำโลก จะเคลื่อนไหวในกรอบ 2,370-2,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยหากมีแรงเทขายออกมา ก็จะมีแรงซื้อกลับวนไป ซึ่งจะต้องจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ที่อาจสร้างความผันผวนต่อราคาทองคำ หากมีแนวโน้มตึงเครียดมากขึ้น ก็จะทำให้ราคาทองคำดีดขึ้นแรงอีกได้ โดยการเคลื่อนไหวทองคำ ณ วันที่ 17 เมษายน 2567 มีการปรับเปลี่ยนราคาทอง 8 ครั้ง รวมขึ้น 450 บาท ทองแท่ง รับซื้ออยู่ที่ 41,550 บาท ขายออก 41,650 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ 40,795.56 บาท ขายออก 42,150 บาท ทองสปอต 2,393.50 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ค่าเงินบาท 36.77 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
“ราคาทองคำแท่งทรงตัวใกล้ระดับสูงสุด (ออลไทม์ไฮ) แล้ว ซึ่งเงินบาทอ่อนค่าหนุนราคาทองคำแท่งเข้าไปอีก โดยเงินบาทอ่อนค่ามากสุดที่ 36.88 บาท เป็นการอ่อนค่ามากสุดในปีนี้ ทำให้ราคาเป้าหมายที่ระดับ 43,000 บาทต่อบาททองคำอยู่ไม่ไกลแล้ว” นายธนรัชต์กล่าว
ด้านนางสาวศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทฮั่ว เซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลพบ Goldman Sachs มองว่าราคาทองจะขึ้นไปอยู่ที่ 2,700 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ธนาคาร Citi มีการปรับเพิ่มประมาณการทองคำโลก ราคาเป้าหมายจะเห็นที่ 3,000 ภายใน 6-11 เดือนข้างหน้า แนะนำลงทุนคือ ถือต่อไปได้ แต่หากราคาทองคำมีการปรับลดลง ต้องการขายทำกำไรก็ขายออกมาบางส่วนก่อนได้ แต่ยังแนะนำให้ถือไปเรื่อยๆ ก่อน ตามเทรนด์ขาขึ้นของทองคำในขณะนี้
